วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ซ่อมพัดลมไอเย็น เปลี่ยนปั๊มน้ำ

พัดลมไอเย็น คือพัดลมที่ดึงลมผ่านน้ำ ที่ไหลผ่านเยื่อไม้ชนิดหนึ่งที่มีการป้องกันเชื้อราเอาไว้ ทำให้ลมที่ออกมามีอุณหภูมิที่ลดลงประมาณ 3-4องศา กว่าลมปกติ พัดลมไอเย็น เราจะต้องเติมน้ำเข้าไป และมีปั๊มดูดน้ำเพื่อให้น้ำหยดผ่านเยื้อไม้ที่อยู่ทางด้านหลัง และใช้มอเตอร์ดูดลมผ่านเยื่อไม้นี้ทำให้น้ำระเหย ลดอุณหภูมิของลมที่ผ่าน

แต่ว่าข้อเสียของพัดลมไอเย็นนี้ก็คือ เวลาน้ำหมดแล้วเราลืมเติมน้ำเข้าไป และเปิดสวิทช์ Cool เพื่อให้ปั๊มน้ำที่อยู่ข้างล่างทำงานปั๊มน้ำอยู่ แต่ว่าไม่มีน้ำ ปั๊มก็จะร้อน และเสียหาย เหมือนกับเครื่องที่ใช้อยู่ที่บ้าน ดังนั้นเวลาไม่มีน้ำ ให้กดปุ่ม Cool ออกทุกครั้ง เพื่อป้องกันปั๊มเสียหาย หรือไม่ก็พยายามเติมน้ำเข้าไปบ่อยๆ อย่าให้น้ำขาด เพราะว่าเครื่องจะไม่มีตัวเตือนว่าน้ำต่ำ และตัดระบบน้ำออกอัตโนมัติ เราจะต้องคอยดูเอง
 

วันนี้เราก็จะมาซ่อม / เปลี่ยนตัวปั๊มน้ำนี้กันครับ ก่อนอื่นก็ต้องถอดเจ้าปั๊มน้ำอันเก่าออกก่อนครับ โดยถอดน๊อต 2ตัวที่ยึดปั๊มน้ำเอาไว้ จากนั้นก็ ถอดสายยางที่ใช้ต่อน้ำขึ้นไปหยดที่เยื่อไม้ออก จากนั้นก็ถอดฝาหลังของพัดลมออก โดยถอดน๊อต 8ตัว ที่อยู่ด้านหลัง และอีก 3ตัวที่อยู่ทางด้านล่าง ตรงล้อ ต้องนอนเครื่องลง จะเห็นน๊อตอยู่


เมื่อถอดฝาหลังแล้วออกแล้วก็จเป็นอย่างในรูปข้างล่างครับ เราก็จะสามารถถอกปั๊มตัวเก่าออกได้โดยบักกรีสายไฟที่ตรงสวิทช์ Cool ออก 


แล้วเราก็เอาปั๊มอันใหม่ใส่เข้าไปแทนที่ ใส่น๊อตยึดทั้งสองฝั่งของปั๊ม ใส่สายยางที่นำน้ำขึ้นไปยังเยื่อไม้ จากนั้นก็บักกรีสายไฟทั้งสองเส้นเข้ากับสวิทช์ Cool และไฟเลี้ยง


หลังจากที่ต่อสายไฟเรียบร้อยแล้ว ก็ทำความสะอาดภายในของเครื่องกันสักหน่อย ทั้งใบพัดลม และอื่นๆ เพราะว่าไหนๆ ก็ถอดออกมาแล้วก็ทำทีเดียวเลย จากนั้นปิดฝาหลังของเครื่องกลับอย่างเก่า ใส่น๊อตให้เรียบร้อยทั้ง 8ตัวที่อยู่ด้านหลัง และอีก 3ตัวที่อยู่ทางด้านล่าง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมทดสอบ

นำแผ่นเยื่อไม่ใส่กลับเข้าไปที่ช่องใส่ด้านหลัง ใส่น้ำในช่องใส่น้ำ แล้วก็เสียบปลั๊ก เปิดพัดลมเบอร์อะไรก็ได้ค้างเอาว้ จากนั้นก็กดปุ่ม Cool ดู ว่ามีน้ำไหลตามเยื่อไม้หรือไม่ ถ้าไม่มีแสดงว่าปั๊มน้ำอาจจะไม่โอเค หรือไม่ก็สายไฟที่เราต่ออาจจะต่อผิด และ/หรือ สวิทช์ Cool อาจจะเสียครับ แต่ว่าของผมน้ำไหลแล้วปกติดีแล้วครับ จะได้กลับมาเย็นอีกครั้ง

เมือ่เสร็จแล้วก็ปิดตะแกรงแผ่นหลังสุด เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ ขอเอาไปเปิดให้เย็นๆ ก่อนนะครับ แถวรังสิต ร้อนมากจริงๆ 

ปล. ปั๊มน้ำซื้อมา 3ตัว ตอนนี้มีเหลืออยู่ 2ตัวครับ เพราะว่าถ้าซื้อทีละตัว ต้องเสียค่าส่งอีกตัวละเกือบร้อย เลยคิดว่าซื้อมาเฝื่อเสียด้วย แต่ถ้าหากว่าใครสนใจก็สามารถ ขอซื้อต่อได้นะครับ ในราคา 250บาท แต่ต้องขอค่าส่งอีก 40บาท เป็น 290บาทครับ

BY: K.C.A.N

ขอบใจที่มาทำให้หายเหงา 2

จากบล๊อกที่แล้ว แม้ว่าวันนี้ผมจะเดินทางกลับมาถึงที่บ้านแล้ว แต่ความรู้สึกผูกพันธ์กับจังหวัดเชึยงรายก็ยังคงอยู่ ก็ขอเล่าเรื่องต่อครับ ในบล๊อกที่แล้วจะเป็นวันเสาร์ที่ครอบครัวเราได้ออกไปเที่ยว วันนี้ขอเล่าในวันอาทิตย์ต่อครับ เริ่มจากในช่วงเช้าหลังจากที่รับประทานอาหารที่โรงแรมที่ผมพักอยู่ อันนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้าของโรงแรมด้วยครับที่ให้ครอบครัวผมได้กินข้าวเช้าแบบไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เลยขอขอบคุณผ่านบล๊อกนี้ และแนะนำให้ไปพักกันครับ ถ้าหากว่าได้เดินทางไปที่เชียงราย ชื่อโรงแรมคือ บ้านสุขถาวร 053 150-088 บรรยากาศดี ราคาค่าห้องก็ไม่แพง แถมอาหารเช้าด้วยครับ

เสร็จเรียบร้อยแล้ว สถานที่แรกที่ไปก็คือ วัดสีน้ำเงิน หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่าวัดร่องเสือเต้น เป็นหนึ่งในวัดสวยงามของจังหวัดเชียงราย ซึ่งถ้าหากว่าพักที่ บ้านสุขถาวร ก็จะห่างจากวัดประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น ก็ดูว่าสวยขนาดไหนกันจากรูปครับ อธิบายลำยาก...


จากวัดสีน้ำเงิน เราก็ไปต่อกันที่วัดห้วยปลากั้ง วัดที่มีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่มากๆ แต่เป็นที่หน้าเสียดายมาก ที่ไม่ได้ขึ้นไปภายในองค์เจ้าแม่ ที่ต้องขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่ 24 ที่เป็นบริเวณหน้าผากขององค์เจ้าแม่ เพราะว่าลูกสาวมีประจำเดือนมา และเขาไม่ให้คนที่มีประจำเดือนขึ้นไป เลยได้แค่ถ่ายรูปอยู่ข้างล่าง

ที่ที่สามก็คือสิงห์ปาร์ค อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์ค ของจังหวัดเชึยงราย เป็นที่ที่เขาจัดงานบอลลูนระดับโลกกันทุกปีช่วงมกราคม หรือ กุมภาพันธ์ ซึ่งก็ต้องไม่พาดที่ถ่ายรูปคู่กับเจ้าสิงห์ตัวนี้ครับ
จากสิงห์ปาร์ค เราก็เดินทางไปหาข้าวเที่ยงกินกันที่หาดเชียงราย เป็นชายหาดริมน้ำกก ซึ่งเขาทำเป็นร้านอาหารสำหรับรับนักท่องเที่ยว มีอยู่หลายร้านทั้งในน้ำและบนฝั่ง

แต่ว่าลูกสาวบอกว่าอยากกินเป็นขันโตก เพราะมาทางเหนือก็ต้องกินแบบคนทางเหนือ ก็เลยขับรถออกมาพาไปที่แถวๆ ที่พัก มีร้านอาหารสไตล์ขันโตกอยู่ เป็นร้านแบบไม่หรูหรานะครับ มีน้ำเงี้ยว ไข่เจียว และแกงเขียวหวาน เป็นรายการหลัก ราคาก็ 30-40บาท เรียกว่าไม่แพงเลย บรรยากาศทุ่งนาข้าวสงบดี

จากนั้นก็ไปต่อยังอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) ที่อยู่ในเมือง เป็นหนึ่งในสามแห่งของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงของสมเด็จย่า ของเรา ก็คือ
1) พระตำหนักดอยตุง บนดอยตุง
2) หอฝิ่น ที่เชียงแสน
3) ไร่แม่ฟ้าหลวงแห่งนี้
มาเยือมชมที่นี่จะต้องเสียงเงินค่าผ่านประตู โดนคนไทยจะอยู่ที่ 100บาทต่อท่าน ส่วนคนต่างประเทศก็ 200บาทต่อท่าน ส่วนนักเรียน นักศึกษาก็ 50บาท ครอบครัวเราใช้เวลาที่นี่คอ่นข้างนาน มีสองหอที่เปิดให้เข้าชม คือหอคำ และ หอแก้ว โดยหอคำจะแสดงในส่วนของเชิงเทียงของจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือ ซึ่งมีรูปแบบไม่เหมือนกันตามแต่ละจังหวัด ส่วนหอแก้ว จะแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับต้นสัก ต่างๆ การนำต้นสักไปแปลรูป ซึ่งหอคำจะมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้ ส่วนหอแก้วจะให้เราเดินชมเองโดยมีคำอธิบายติดเอาไว้ และหอคำจะไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป ส่วนหอแก้วจะให้สามารถถ่ายรูปได้


จากนั้นเราก็เดินทางต่อมายังวัดร่องขุ่น หรือคนเชียงรายเรียกว่า วัดขาว ของอาจารย์เฉลิมชัย แลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดเชียงราย และของโลก เป็นที่สุดท้าย ก่อนที่จะเดินทางไปส่งที่ท่ารถ เพื่อเดินทางกลับบ้าน


จบทริปเชียงราย และทำให้ผมเองก็ไม่เหงาด้วย ทั้งเสาร์ และ อาทิตย์ ไม่อย่างงั้นคงต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องที่โรงแรมเป็นแน่ๆ...

ไว้โอกาสหน้าจะขึ้นไปเที่ยวอีกนะ #เชียงราย
By: K.C.A.N.

ขอบใจที่มาทำให้หายเหงา 1

ด้วยหน้าที่ในการทำงานที่ทำให้ผมต้องเดินทางมาจังหวัดเชียงรายถึง 2สัปดาห์ ซึ่งวันเสาร์-อาทิตย์นี้ คิดว่าจะต้องนั่งเหงาๆ อยู่ที่โรงแรม แต่ว่าอยู่ๆ ภรรยาก็พาลูกสาวทั้งสองคนมาหา ดีใจมากจริงๆ เลยพาออกไปเที่ยวรำลึกความหลังกัน เพราะว่าลูกสาวทั้งสองคนเคยมาที่จังหวัดเชียงรายแล้วเมื่อตอนที่เขาอายุ 5ขวบ - 6ขวบ แต่ตอนนี้อายุ 17-18 ขวบ กันเข้าไปแล้ว ลูกสาวบอกวาจำได้แบบรางๆ เลยอยากขอมาดูจังหวัดเชียงรายเพื่อรำลึกความหลังหน่อย

โดยภรรยาและลูกสาวเดินทางมาด้วยรถทัวร์ ออกจากกรุงเทพฯ มาคืนวันศุกร์ ประมาณ 2ทุ่ม และมาถึงที่ บขส. เชียงรายประมาณ 8โมงเช้าของวันเสาร์ หลังจากที่ไปรับที่ บขส. แล้วก็พามาอาบน้ำที่ โรงแรมที่พัก แล้วก็เดินทางไปไร่ชาฉุยฟง ที่ๆ ลูกสาวอยากมาชิมชา มาดูบรรยากาศ เพราะว่ามีละครหลายเรื่องที่ได้มาถ่ายทำที่นี่

จากนั้นก็เดินทางขึ้นไปยังพระตำหนักดอยตุง ของสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ ซึ่งลูกสาวเคยมาแล้วเมื่อตอนเด็กๆ แต่ว่ามาในครั้งนี้ มีการบรรยายแบบใช้เทคโนโลยี่เข้ามาช่วยด้วย ซึ่งจะเป็นแบบฟังผ่านหูฟัง เป็นจุดๆ ประมาณ 23จุด เรียกว่าได้รู้เรื่องราวของสมเด็จพระศรีนครินทร์ แบบครบถ้วนเลยทีเดียว
จากนั้นก็ไปต่อที่ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อีกหนึ่งสถานที่ไฮไลต์ที่ลูกสาวบอกว่าต้องไป ซึ่งผมเองก็อยากจะไปด้วยเหมือนกัน อยากไปดูสถานที่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และอยากจะไปวางดอกไม้ให้กับฮีโร่ถ้าหลวง #จ่าแซม ด้วย
จากถ้ำหลวง เราก็เดินทางต่อไปยังแม่สาย โดยตั้งใจจะขึ้นไปที่พระธาตุดอยเวา เพราะว่าลูกสาวจำได้ว่ามีแมลงป่องตัวใหญ่อยู่ด้วย แต่ว่าเป็นวันเสาร์ เขามีตลาดคนเดินตรงทางขึ้นถนนปิด จึงไม่สามารถนำรถขึ้นไปได้ เลยไม่ได้ขึ้นไป น่าเสียดายมาก จากนั้นก็ไปต่อที่เชียงแสน สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งจุดนี้ก็เคยมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยมาไหว้พระเชียงแสน เรียกได้ว่าพระองค์นี้ ตั้งอยู่ที่นี่นานกว่า 15ปีแล้ว

จบวันเสาร์ด้วยถนนคนเดิน กลางเมืองเชียงราย ซึ่งก็จะจัดกันทุกๆ คืนวันเสาร์ และที่เป็นไฮไลต์อีกอย่างคือหอนาฬิกา ที่จะมีแสง สี เสียงออกมาจากนาฬิกา เวลา 2ทุ่มตรงของทุกวัน

ส่วนในวันอาทิตย์ เราไปเที่ยวที่ไหนต่อบ้าง ขอเก็บเอาไว้ในบล๊อกหน้าครับ

โดย : KCAN
#เชียงราย, #KCAN, #ถ้ำหลวง, #หอนาฬิกา, #ดอยตุง, #ไร่ชา