วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564

กลางดิน กลางทราย และสายน้ำ

เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คณภรรยาได้จองลานกางเต้นท์เอาไว้แถวๆ แก่งคอย สระบุรี ใกล้ๆ กับน้ำตกเจ็ดคตโป่งก้อนเส้า แต่คิดว่าน่าจะอยู่อีกฝั่งของภูเขา โดยวันเสาร์ที่ 4/12 ช่วงเที่ยงๆ ได้ออกเดินทางจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครนายก  พอมาถึงแยกบางอ้อก็เลั้ยวซ้ายมุ่งตรงไปยังแยกบ้านนา พอถึงแยกบ้านนา ก็ขับตรงขึ้นไปเลย เป็นทางหลวงหมายเลข 2003 จากนั้นก็วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ เลยครับ ประมาณเกือบ 1ชั่วโมงก็จะถึงสวนลุงสนอง 

ไม่อยากเชื่อเลยว่าถนนเส้น 2003 เรียกว่าเป็นเสันทางสายแคมป์ปิ้ง และรีสอร์จเลยก็ว่าได้ ทั้งสองข้างทางของถนน มีแต่รีสอร์จ และสถานที่กางเต้นท์ เยอะมากจริงๆ ผมเองก็พึ่งเคยมาเป็นครั้งแรก เห็นภรรยาบอกว่า ที่ดังๆ ก็จะมี I am camping ซึ่งก็ติดๆ กับสวนลุงสนอง เป็นคลองสายเดียวกันยาวจากสระบุรีมานครนายก  โดยคุณภรรยา จองเอาไว้ที่สวนลุงสนอง ซึ่งก็อยู่ประมาณปลายๆ ของเส้นทาง แต่ดีที่ว่าคนไม่เยอะมาก 

เหมือนอย่าง I am camping ที่มีคนมากางเต้นท์เยอะมาก คืนนั้นของลุงสนองมีมานอนกางเต้นท์แค่ 3เจ้าเอง เพราะลุงสนองพึงจะทำได้ไม่ถึง 3เดือน ดีมากเพราะทำให้ไม่มีคนแย่งห้องน้ำ ห้องท่า เราไปถึงที่สวนลุงสนองก็งงๆ นิดหน่อย เพราะว่าสวนของลุงแกจะต้องข้ามฝายน้ำล้น ไปอีกฝั่งของคลอง หาทางเข้าไม่เจอ คือว่าเจอทางเข้า แต่ไม่แน่ใจว่าสามารถเอารถข้ามไปได้หรือเปล่า เพราะฝายน้ำค่อนข้างแรง แต่ว่าไม่ลึกประมาณตาตุ่ม เลยต้องถอยหน้าถอยหลัง หาที่จอดเพื่อถามทางอยู่พักใหญ่ และถนนเองก็ค่อนข้างแคบด้วย

พอได้ที่เหมาะๆ จอดรถเรียบร้อยแล้ว หลานของลุงก็ออกมาต้อนรับ และก็จะต้องจ่ายเงินค่ากางเต้นท์กัน โดยลุงแกคิดค่ากางเต้นท์ หัวละ 150บาทเอง วันนั้นไป 3คนก็ 450บาท และก็สั่งหมูกะทะมา 1ชุด ราคา 360บาท พอจะจ่ายเงินเท่านั้นแหละ ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต งานเข้าทันที เพราะว่าไม่มีเงินสดมากันเลยคิดว่าสามารถโอนได้ เพราะภรรยาสอบถามก่อนมาแล้ว เขาก็บอกว่าโอนได้ แต่ต้องให้หลานสาวพาเดินไปไกลกว่า 100เมตร เพื่อหาสัญญาณอินเตอร์เน็ต หลานบอกว่าเพราะกฎหมายห้ามเอาไว้ ไม่ให้มีไฟฟ้าเพราะเป็นเขตติดอุทยานแห่งชาติ ทุกอย่างเลยจะใช้พลังงานแสงอาทิตน์ทั้งหมด 

มีบ้านญาติที่อยู่ติดกันจะมีสัญญาณ WiFi เลยสอบถามว่า WiFi ก็ใชัพลังงานแสดงอาทิตย์หรือเปล่า หลานก็บอกว่าใช่ หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย ก็เริ่มกางเต้นท์กัน โดยผมกับลูกสาวช่วยกัน ส่วนคุณภรรยา ก็ไปจัดการกับการตั้งโต๊ะอาหาร

ซักพักหนึ่งหลังจากที่คุณภรรยาถ่ายรูป เล่นน้ำ กันเสร็จ หมูกะทะก็มาส่งพอดี ช่วงๆ นั้นก็ 5โมงเย็น ก็เริ่มก่อเตา และก็เริ่มกินอาหารกัน ก็กินแบบเรื่อยๆ ไปจนประมาณ 1ทุ่มเศษ อากาศเริ่มจะเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าน่าจะต่ำกว่า 24องศา จากนั้นอยู่ๆ ป้าที่เป็นภรรยาลุงสนองก็ออกมาคุยด้วย เหมือนกับป้าแกกลัวว่าจะอยู่ไม่สบาย เลยเดินมาสอบถามดู ก็ได้นังคุยกันพักใหญ่ๆ 


โดยส่วนมากก็สอบถามเรื่องไม่มีไฟฟ้า ซึ่งป้าแกก็บอกว่า แกอยู่แบบนี้มาแทบจะตั้งแต่เกิดแล้ว แกชินแล้ว อยู่แบบมีไฟฟ้า ก็เคยอยู่ บ้านลูกๆ อยู่ในตัวอำเภอบ้านนา ก็มีไฟฟ้า แต่ว่ามันไม่ค่อยจะชิน สอบถามเรื่องการถนอมอาหารจะทำยังไง เพราะไม่มีตู้เย็น ป้าก็บอกว่า ก็เอามาทาเกลือแล้วก็ตากแดดให้มันแห้ง หรือเอาไปรวน ก่อนจะเก็บ แต่ก็เก็บได้ แต่อาจไม่นานแบบหลายๆ วันเหมือนตู้เย็น แต่ที่บ้านแกมีถังน้ำแข็งลูกซื้อมาให้ ก็เก็บได้หลายวันอยู่ สอบถามเรื่องทีวี ไฟส่องสว่าง ป้าแกก็บอกว่ามีทีวีแต่ดูได้ไม่นานมาก ประมาณ 2-3ชม. เพราะว่าใช้แบตฯ จากแสงแดด แต่ส่วนใหย่ไม่ค่อยดูเท่าไหร่ ส่วนไฟส่องสว่างก็ใช้แบตฯ และพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด ส่วนใหญ่ 3ทุ่มก็นอนกันแล้ว เปิดแค่วันละ 2-3ชม. เท่านั้น  

จากนั้นป้าแกก็ขอตัวไปดูเต้นท์อื่นๆ อีก เลยได้ขอถ่ายรูปกับป้าแกเอาไว้หน่อย ดูแกเอาใจใส่ลูกค้าแกดี แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยยังมีพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าอยู่อีก แต่การไมมีไฟฟ้าก็ดี เพราะทำให้เห็นดาวได้ชัดมาก อยากให้ป้าแกปิดไฟทางให้มืดๆ ด้วยซ้ำ 555

ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ ยิ่งกางเต้นท์อยู่ริมน้ำด้วย คิดว่าอุณหภูมิตอน 4ทุ่มคืนนั้นน่าจะใกล้ๆ 20องศาเลยทีเดียว ยิ่งมีลมกระโชกเป็นพักๆ เย็นมาก ขนาดเข้าไปในเต้นท์ ยังไม่รู้สึกอุ่น  ต้องหาผ้าห่มมาห่มกันเลย แต่ก็ทำให้เรานอนหลับสบายดี ฟังเสียงน้ำไหล และเสียงลม มีความสุขดี



ตอนเช้าก็ตื่นขึ้นล้างหน้า ล้างตาแปรงฟัน รับอากาศเย็นๆ โดยเดินไปบริเวณที่มีสัญญาณ WiFi ปรากฎว่าอุณหภูมิอยู่ที่ 20 องศาตอน 6โมงเช้า จากนั้นก็ก่อเตาต้มน้ำชงกาแฟ เข้าห้องน้ำ ห้องท่า และก็ทำอาหารเช้ากัน จากนั้นก็หาสถานที่เหมาะๆ นั่งกินข้าวกัน ก่อนที่จะทยอยล้างถ้วยล้างจาน เก็บเต้นท์ ก่อนเดินทางไปเที่ยวกันต่อ แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังใหม่ในบล๊อกหน้า สำหรับบล๊อกนี้ก็ขอฝากลานกางเต้นท์สวนลุงสนองเอาไว้ ยังไงก็ฝากเยี่ยมป้าแกด้วย แกดูแลลูกค้าดีมากเลย หรือไม่ก็แกอาจจะเหงา อยากมีเพื่อนคุยเยอะๆ ก็ไปแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการอยู่แบบไม่มีไฟฟ้ากับแกได้ 


By: KCAN 
พิกัด GPS สวนลุงสนอง @14.4053668,101.1635436

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ติดตั้งบลูธูทให้เครื่องเสียงรุ่นเก่า

งานนี้เกิดขึ้นเมื่อลูกสาวอยากสอบถามเรื่องเครื่องเสียงที่บ้านมันเก่า อยากจะให้ซื้อใหม่... แม้จะเสียงดี และยังใช้งานได้ดีอยู่ก็ตาม สาเหตุก็เพียงเพราะว่ามันไม่มีบลูธูท ทำให้เวลาจะฟังเพลง จะต้องเอาโทรศัพท์ ไปเสียบคาเครื่องเสียงเอาไว้ ทำให้ไม่สะดวก และไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ 

ฟังแล้วก็มีเหตุผลดี แต่ว่าจะซื้อเครื่องใหม่เลย อย่างน้อยๆ ก็ต้องมี 1,000กว่าบาท ถ้าราคาถูกๆ ก็ไม่รู้จะเสียงดีหรือเปล่า ก็บอกกับลูกว่าก็ใช้ไปก่อนเดี๋ยวค่อยซื้อวันหลัง ขอเก็บตังค์ก่อน ลูกสาวก็ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยจะ... ตามสไตล์เด็กวัยรุ่น 


แล้วลูกสาวก็บอกว่า "ไม่อย่างงั้นก็ซื้อบลูธูทมาติดให้ซิ ป๊าจบตั้งวิศวะอิเลคทรอนิคส์..." งานเข้าเลยถูกลูกสาวพูดแบบนี้ ก็จริงอย่างที่เขาพูดแหละครับ เลยบอกว่า "ได้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวทำให้ มันไม่ยากหรอก" จากนั้นก็เริ่มหาบลูธูทในเว็บขายของต่างๆ ดู ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเดี๋ยวนี้ราคามันถูกมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้งานได้จริงหรือเปล่า นะ ก็เลยลองสั่งมาดู 2แผ่น เฝื่อว่า แผ่นแรกจะใช้งานไม่ได้จะได้มีแผ่นสำรองเอาไว้  เป็นบลูธูท 5.0เสียด้วย

จากนั้นอีก 2 วันก็ได้รับของมาเรียบร้อย ก็เลยบอกลูกสาวว่า เดี๋ยวเสาร์นี้จะทำให้ ไม่ยากหรอก ลูกสาวก็ทำหน้าแบบไม่ค่อยจะเชื่อเราเท่าไหร่ 555 ยังไม่พอใจที่พอไม่ยอมซื้อเครื่องใหม่ให้ หรือว่าไม่เชื่อว่าพ่อจะทำได้หรือเปล่า 


พอถึงวันเสาร์ เราก็เตรียมอุปกรณ์กันเลย สิ่งที่ต้้องมีก็คือ ภาคจ่ายไฟ สำหรับเจ้าวงจรบลูธูทที่สั่งมาก็คือใช้ไฟเลี้ยง 5Vdc ซึ่งเราก็จะต้องมีตัวแปลงไฟจาก 26Vdc จากภาคจ่ายไฟของตัวเครื่องขยายเสียง ให้เหลือ 5V โดยผมได้ใช้ตัวต้านทาน 1ตัว ค่า 150โอมห์ และ IC เร็กกรูเลเตอร์เบอร์ 7805 แบบง่ายๆ 

จากนั้นก็ต้องแกะเครื่องขยายเสียงออกมาดูเพื่อหาตำแหน่งที่จะวางแผ่นบลูธูท และตัวจ่ายไฟ ซึ่งก็โชคดีที่เครื่องเสียงรุ่นนี้ ภาคจ่ายไฟ ก็จุดรับสัญญาณเสียงเข้าเครื่อง ไม่ห่างกันมาก เลยไม่ต้องเดินสายไฟให้ยุ่งยากมาก เพราะถ้าหากว่าต้องเดินสายไฟ โอกาสที่จะเกิดสัญญาณรบกวนก็จะสูง อาจทำให้มีเสียงอัมออกที่ลำโพงได้ 

เมื่อได้ตำแหน่งที่ดีแล้ว ก็เริ่มบัดกรีติดตั้งกันเลย โดยเริ่มจากการต่อสายไฟออกจากแผ่นวงจรบลูธูทกันก่อน ก็จะมีแค่ไฟเข้า 2เส้น และสัญญาณออกจากบลูธูทไปเข้าที่ช่องรับสัญญาณของเครื่องเสียง อีก 2เส้น คือสัญญาณซ้าย - ขวา ก็มีเพียงเท่านี้จริงๆ จากนั้นก็ติดตั้งแผ่นบลูธูท เข้ากับ จุดรับสัญญาณเข้าของเครื่องเสียงเลย โดบใช้ขาอุปกรณ์ในการเชื่อม และเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน ก็ควรจะให้มันสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเป็นสัญญาณเข้าเครื่องขยายเสียง ถ้ามีสัญญาณรบกวนเข้าไป เครื่องขยายเราก็จะขยายเจ้าสัญญาณรบกวนนั้นออกไปที่ลำโพงด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าหากว่าจำเป็นที่จะต้องเดินสายไฟแล้วล่ะก็ ควรที่จะเป็นสายชีลด์แบบ 2 คอร์ เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน

จากนั้นก็มาต่อภาคจ่ายไฟให้กับบอร์ดบลูธูทของเรา ก็ต่อตามรูปเลยครับ ดูเรื่องขา IC 7805 ได้ตาม LINK นี้เลย IC มี 3ขา คือ ขา IN, ขา GND และขา OUT รับรองไม่ยาก เอา R 150 โอมห์มาดร๊อปไฟก่อนเข้า IC ซัก 1ตัว ซึ่งก็ต่อเข้ากับขา IN ของตัว IC และก็ต่อไฟจากขา OUT ไปเข้าบอร์ดบลูธูทได้เลย รับรองว่าถ้า iC ไม่เสีย ไฟที่ขาออกจะได้เท่ากับ 5V อย่างแน่นอน ส่วนขา GND ก็คือขากราวด์นั่นเอง ผมก็หาจุดที่เป็นกราวด์ของเครื่องเสียง และก็บัดกรี เข้าไปเลย เพียงเท่านี้บลูธูทเราก็พร้อมใช้งาน 

จากนั้นก็ประกอบเครื่องกลับอย่างเดิม แล้วก็ถึงเวลาทดสอบ ก็เรียกลูกสาวมาทดสอบดูว่าโอเคหรือเปล่า  ลูกสาวถึงกับงงเริ่มยิ้มออก และก็ยกกลับห้องไปแต่ความจริงเขาก็อยากได้ของใหม่มากกว่าแหละ แต่ว่าคุณพ่ออุตส่าห์ทำให้ขนาดนี้ ก็คงต้องทนฟังกันต่อไปนะ 

ยุคนี่เศรษฐกิจมันแย่มากๆ รอเอาไว้เลือกตั้งและเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล  ขอคนใหม่แทนคนปัจจุบันเถิด คุณสมบัติอย่างน้อยที่สุดคือ จะต้องสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับคนต่างประเทศได้ดีมาก เพื่อที่จะให้ประเทศเราสามารถค้าขายกับต่างประเทศได้โดยไม่ต้องใช้ล่าม ขอรบกวนคนไทยทุกคนช่วยเลือกคนที่ดีจริงๆ เข้ามาบริหารประเทศแทนคนปัจจุบันด้วยเถิด อย่าเลือกคนปัจจุบันกลับมาอีกเลย... กราบขอบพระคุณคนไทยทุกๆ คนที่รักชาติ รักประเทศ

By: K.C.A.N