วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ขอบใจที่มาทำให้หายเหงา 2

จากบล๊อกที่แล้ว แม้ว่าวันนี้ผมจะเดินทางกลับมาถึงที่บ้านแล้ว แต่ความรู้สึกผูกพันธ์กับจังหวัดเชึยงรายก็ยังคงอยู่ ก็ขอเล่าเรื่องต่อครับ ในบล๊อกที่แล้วจะเป็นวันเสาร์ที่ครอบครัวเราได้ออกไปเที่ยว วันนี้ขอเล่าในวันอาทิตย์ต่อครับ เริ่มจากในช่วงเช้าหลังจากที่รับประทานอาหารที่โรงแรมที่ผมพักอยู่ อันนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้าของโรงแรมด้วยครับที่ให้ครอบครัวผมได้กินข้าวเช้าแบบไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เลยขอขอบคุณผ่านบล๊อกนี้ และแนะนำให้ไปพักกันครับ ถ้าหากว่าได้เดินทางไปที่เชียงราย ชื่อโรงแรมคือ บ้านสุขถาวร 053 150-088 บรรยากาศดี ราคาค่าห้องก็ไม่แพง แถมอาหารเช้าด้วยครับ

เสร็จเรียบร้อยแล้ว สถานที่แรกที่ไปก็คือ วัดสีน้ำเงิน หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่าวัดร่องเสือเต้น เป็นหนึ่งในวัดสวยงามของจังหวัดเชียงราย ซึ่งถ้าหากว่าพักที่ บ้านสุขถาวร ก็จะห่างจากวัดประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น ก็ดูว่าสวยขนาดไหนกันจากรูปครับ อธิบายลำยาก...


จากวัดสีน้ำเงิน เราก็ไปต่อกันที่วัดห้วยปลากั้ง วัดที่มีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่มากๆ แต่เป็นที่หน้าเสียดายมาก ที่ไม่ได้ขึ้นไปภายในองค์เจ้าแม่ ที่ต้องขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่ 24 ที่เป็นบริเวณหน้าผากขององค์เจ้าแม่ เพราะว่าลูกสาวมีประจำเดือนมา และเขาไม่ให้คนที่มีประจำเดือนขึ้นไป เลยได้แค่ถ่ายรูปอยู่ข้างล่าง

ที่ที่สามก็คือสิงห์ปาร์ค อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์ค ของจังหวัดเชึยงราย เป็นที่ที่เขาจัดงานบอลลูนระดับโลกกันทุกปีช่วงมกราคม หรือ กุมภาพันธ์ ซึ่งก็ต้องไม่พาดที่ถ่ายรูปคู่กับเจ้าสิงห์ตัวนี้ครับ
จากสิงห์ปาร์ค เราก็เดินทางไปหาข้าวเที่ยงกินกันที่หาดเชียงราย เป็นชายหาดริมน้ำกก ซึ่งเขาทำเป็นร้านอาหารสำหรับรับนักท่องเที่ยว มีอยู่หลายร้านทั้งในน้ำและบนฝั่ง

แต่ว่าลูกสาวบอกว่าอยากกินเป็นขันโตก เพราะมาทางเหนือก็ต้องกินแบบคนทางเหนือ ก็เลยขับรถออกมาพาไปที่แถวๆ ที่พัก มีร้านอาหารสไตล์ขันโตกอยู่ เป็นร้านแบบไม่หรูหรานะครับ มีน้ำเงี้ยว ไข่เจียว และแกงเขียวหวาน เป็นรายการหลัก ราคาก็ 30-40บาท เรียกว่าไม่แพงเลย บรรยากาศทุ่งนาข้าวสงบดี

จากนั้นก็ไปต่อยังอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) ที่อยู่ในเมือง เป็นหนึ่งในสามแห่งของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงของสมเด็จย่า ของเรา ก็คือ
1) พระตำหนักดอยตุง บนดอยตุง
2) หอฝิ่น ที่เชียงแสน
3) ไร่แม่ฟ้าหลวงแห่งนี้
มาเยือมชมที่นี่จะต้องเสียงเงินค่าผ่านประตู โดนคนไทยจะอยู่ที่ 100บาทต่อท่าน ส่วนคนต่างประเทศก็ 200บาทต่อท่าน ส่วนนักเรียน นักศึกษาก็ 50บาท ครอบครัวเราใช้เวลาที่นี่คอ่นข้างนาน มีสองหอที่เปิดให้เข้าชม คือหอคำ และ หอแก้ว โดยหอคำจะแสดงในส่วนของเชิงเทียงของจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือ ซึ่งมีรูปแบบไม่เหมือนกันตามแต่ละจังหวัด ส่วนหอแก้ว จะแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับต้นสัก ต่างๆ การนำต้นสักไปแปลรูป ซึ่งหอคำจะมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้ ส่วนหอแก้วจะให้เราเดินชมเองโดยมีคำอธิบายติดเอาไว้ และหอคำจะไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป ส่วนหอแก้วจะให้สามารถถ่ายรูปได้


จากนั้นเราก็เดินทางต่อมายังวัดร่องขุ่น หรือคนเชียงรายเรียกว่า วัดขาว ของอาจารย์เฉลิมชัย แลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดเชียงราย และของโลก เป็นที่สุดท้าย ก่อนที่จะเดินทางไปส่งที่ท่ารถ เพื่อเดินทางกลับบ้าน


จบทริปเชียงราย และทำให้ผมเองก็ไม่เหงาด้วย ทั้งเสาร์ และ อาทิตย์ ไม่อย่างงั้นคงต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องที่โรงแรมเป็นแน่ๆ...

ไว้โอกาสหน้าจะขึ้นไปเที่ยวอีกนะ #เชียงราย
By: K.C.A.N.

ไม่มีความคิดเห็น: