วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2563

หลงรักในอำนาจฯ วัดสีแยกแสงเพรช

 
วัดสีแยกแสงเพรช วัดแรกของจังหวัดอำนาจเจริญ ที่ผมได้เคยมา


จากบล๊อกที่แล้วที่บอกว่าน้าอี๊ดได้พาไปเทียวชมวิมานพญาแถน ที่ตัวเมืองยโสธร วันนี้ก็จะมาเล่าต่อนะครับ ซึ่งในวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ โดยน้าหน่อยแฟนน้าอี๊ดได้รับงานทำอาหารที่อำเภอป่าติ้ว ซึ่งได้นัดน้าอี๊ดให้ไปรับช่วงสายๆ 


แต่ว่าน้าอี๊ดกับพวกผมไปถึงที่งานเร็วเกินไป งานยังไม่เสร็จก็เลยยังรับแม่ครัวหลับไม่ได้ น้าหน่อยก็เลยบอกว่าให้ไปเที่ยวกันก่อนซัก 2-3ชั่วโมง แล้วค่อยกลับมารับใหม่


ซึ่งน้าอี๊ดก็สอบถามว่าอยากไปไหนกันล่ะ ผมก็บอกว่าไม่รู้ว่าที่ป่าติ้วมีอะไรเที่ยวบ้าง ซึ่งน้าอี๊ดบอกว่าที่ป่าติ้วน่าจะไม่มี แต่ที่อำนาจเจริญ มีเป็นวัดสวยๆ อยู่บนภูเขาอยู่แต่ว่าจำชื่อไม่ได้แล้ว เลยลองหาดูในอินเตอร์เน็ตดู ก็จะมีวัดถ้าแสงเพรช และวัดสีแยกแสงเพรช 


น้าอี๊ดก็บอกว่าน่าจะเป็นวัดถ้ำแสงเพรชนะ ไม่แน่ใจ ก็ได้เอารูปในอินเตอร์เน็ตให้น้าอี๊ดดู ว่าถ้าวัดสวยๆ ก็น่าจะเป็นวัดสีแยกแสงเพรช แกก็งงและบอกว่าไม่น่าจะใช่ เพราะแกเคยไปเมื่อ 20กว่าปีมาแล้วเป็นวัดที่อยุ่บนภูเขา สมัยก่อนนั้นแกเป็นเกษตรตำบลอยู่ที่ป่าติ้วนี่แหละ และเสาร์อาทิตย์ก็ได้ขับมอเตอร์ไซด์ พาน้าหน่อยไปเที่ยววัดแหน่งนี้ 


สมัยก่อนอำนาจเจริญยังเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานีอยู่ ยังไม่ได้แยกตัวออกมาเป็นจังหวัดแกบอกว่ามันไม่สวยแบบในรูปที่เอาให้ดู แต่ว่าวิวมันสวย เพราะว่ามันอยู่บนภูเขา ก็เลยบอกว่างั้นก็ไปดูก่อนที่วัดถ้ำแสงเพรช ซึ่งก็ใช้เวลาเดินทางเกือบ 1ชม. เหมือนกัน พอถึงที่วัดถ้าแสงเพรช 


น้าอี๊ดก็บอกว่าไม่น่าจะใช่ เพราะว่าไม่ได้ขึ้นเขา แต่อยู่ที่ด้านล่างของเขา ก็เลยขับออกมา ไม่ได้แวะเลย ย่าเสียดายเพราะที่เ้าไปวนรถดูก็สวยดีเหมือนกัน แต่น้าแกคงจะกลัวว่าจะกลับไปรับน้าหน่อยไม่ทัน ก็เลยวนรถออกมาและขับขึ้นไปที่วัดสี่แยกแสงเพรช ซึ่งเป็นวัดที่น้าแกอยากพามา วัดตั้งอยู่บนเขาเตี้ยๆ ไม่สูงมากเท่าไหร่ พอขึ้นไปเห็นแล้วก็ตกใจกับวิหารหลังใหม่ซึ่งสวยมากเป็นศิลปะทางเหนือ ผสมผสาน ซึ่งน้าอี๊ดเองก็ตกตะลีงเหมือนกัน เพราะแกไม่ได้มานานมาก 


สมัยก่อนไม่มีแบบนี้แกบอก มีแต่พระนอน กับเจดีย์ และวิหารหลังเก่า ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่วิหารหลังใหม่สมัยนั้นยังไม่ได้สร้าง ภายในประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปหยกขาวองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย (ตามข้อมูลในอินเตอร์เน็ตนะครับ) ซึ่งเป็นวัดที่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับหลวงหลวงปู่ชา สุภัทโท ซึ่งในเจดีย์มีหุ่นปั้นเหมือนหลวงปู่ชาด้วย และมีรูปของหลวงปู่ชาตั้งอยู่หลายจุดภายในวัด


หลังจากที่ได้ไหว้พระตามจุดต่างๆ และเดินชมวัดซักพัก ก็ได้ขับรถกลับมาที่ป่าติ้วเพื่อรับน้าหน่อยกลับบ้าน


ต้องขอขอบคุณน้าอี๊ดที่พามารู้จักกับวัดสวยๆ อีกหนึ่งวัดที่จังหวัดอำนาจเจริญ "วัดสีแยกแสงเพรช
พิกัด GPS วัดสี่แยกแสงเพรช @15.8949816,104.7271142


วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2563

#พระธาตุพนม ศรัทธา, ความเชื่อ, ความหวัง

 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ไปปฏิบัติภาระกิจที่เมืองนครพนม อยากบอกว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่มากครับ เงียบสงบและลมพัดตลอดเวลา เย็นสบายมาก พอดีที่พักอยู่ใกล้กับแม่น้ำโขง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนเลยจากบ้านที่เห็นอยู่คือหลังบ้านเขาจะติดแม่น้ำโขง และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกในภาคอีสานด้วย เลยทำให้อากาศเย็นสบาย ถ้าเป็นช่วงฤดูหวานคงจะเย็นน่าดูเหมือนกัน

พอวันถัดมาก็เดินทางต่อไปที่เมืองมุกดาหาร ซึ่งจะต้องผ่านอำเภอธาตุพนม ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่กึ่งกลางระหว่างอำเภอเมืองนครพนมกับอำเภอเมืองมุกดาหารและเป็นที่ตั้งของพระธาตุพนม ที่เป็นพระธาตุที่มีคนไทย และประเทศเพื่อนบ้านให้ความศรัทธาเป็นจำนวนมาก 

เลยต้องแวะขอพรพระธาตุสักหน่อย อยากบอกว่าเป็นพระธาตุที่สวยงามมากจริงๆ ครับ ตามประวัติเมื่อ 18 สิงหาคม 2518 พระธาตุองค์เดิมได้ถล่มลงมาเนื่องจากเกิดฝนตกหนักหลายวัน และความเก่าของพระธาตุเอง จากนั้นจึงได้มีการสร้างพระธาตุองค์ใหม่ขึ้น โดยประชาชนได้ร่วมใจกันบริจาค ร่วมกับรัฐบาลในสมัยนั้นก็ได้ช่วยกันสร้างองค์พระธาตุขึ้นมาใหม่ แล้วเสร็จเมื่อปี 2522


ซึ่งในปัจจุบันสถูปพระธาตุองค์เดิมก็ได้ถูกบูรณะใหม่แล้วเหมือนกัน พิกัด GPS ของพระธาตุพนมคือ @16.9426141,104.7216352

ถ้าหากว่ามีโอกาสก็สามารถแวะมากราบขอพรองค์พระธาตุพนมได้ครับ

BY: K.C.A.N

 

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563

วัดพระขาว ไปมาแล้ว ไม่ไกล

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเดินทางกลับมาจากจังหวัดขอนแก่นพอดีผ่านแถวๆ กลางดง อยู่ๆ ก็คิดได้ว่ามีพระขาวอยู่บนเขา เวลาเดินทางไป - กลับบ้านภรรยาที่มหาสารคาม ก็จะผ่านทุกครั้ง 


เคยแต่ผ่านมา ผ่านไปหลายต่อหลายครั้งไม่เคยได้แวะเลย  วันนี้เห็นว่ายังเป็นช่วงบ่ายๆ และก็อยากไหว้พระด้วย เลยได้แวะเลี้ยวเข้าไปดู พิกัด GPS @14.6163639,101.2637208

เดี๋ยวนี้มีมอเตอร์เวย์ที่จะไปโคราชผ่านที่หน้าวัดด้วย ภายในวัดก็ร่มรื่นดี มีของขายเหมือนวัดดังทั่วไป หลังจากที่ได้เดินกราบพระที่ด้านล่างแล้ว ก็ชวนภรรยาเดินขึ้นไปกราบพระขาวที่ตั้งอยู่บนเขา ซึ่งตอนแรกภรรยาก็บอกว่าไม่ขึ้นหรอกมันสูง ก็เลยบอกว่า ไม่ขึ้นตอนนี้พออายุซัก 70 ก็จะหมดโอกาสขึ้นแล้วนะ 



ภรรยาเลยเงียบไป และก็เดินตามขั้นบันไดช่วงแรกขึ้นไปประมาณ 40-50ขั้น จากนั้นก็เป็นช่วงที่จะเป็นบันไดขึ้นไปที่องค์พระข้างบน โดยมีป้ายระบุว่า 631ขั้น ซึ่งภรรยาเห็นก็สอบถามว่าจะขึ้นไปจริงๆ ใช่ไหมก็บอกว่าใช่ ค่อยๆ เดินขึ้นไป ซึ่งทางขึ้นจะมีศาลาเอาไว้ให้นั่งพักเป็นช่วงๆ โดยมีทั้งหมด 7ศาลา ช่วงละ 80ขั้น - 90ขั้น

ก็เรียกได้ว่าแวะพักแทบทุกศาลาครับ แต่ว่าในแต่ละศาลา ก็จะมีวิวทิวทัศน์ และมีดอกไม้ป่าให้ถ่ายรูปเล่นได้อยู่ ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 30นาทีเศษ ก็ขึ้นไปถึงลานข้างบนองค์พระ


พอขึ้นไปถึง คุณภรรยาที่ตอนแรกไม่อยากจะขึ้น ก็ไหว้พระใหญ่เลย ไหว้นานกว่าผมอีกทั้งๆ ที่แดดร้อนมากกลับไม่กลัวแดดซักงั้น แต่ตรงทางขึ้นกับทางลงร่มรื่นมาก แทบจะไม่มีแดดเลย เพราะต้นไม้เยอะจริงๆ


เมื่อไหว้พระเสร็จแล้วก็นั่งพักซักครู่ จากนั้นก็เดินลง ซึ่งจะเป็นอีกทางหนึ่ง จะมีศาลาน้อยกว่าทางขึ้นแต่ว่าไม่ได้นับ เพราะว่าไม่ได้แวะเลย น่าจะประมาณ 4-5ศาลา แต่พอลงมาถึงข้างล่างป้ายบอกว่า 619ขั้นเท่านั้นสำหรับทางลง ใช้เวลาอยู่ในวัดไปประมาณ 1ชั่งโมงครึ่ง รู้สึกสบายใจ และได้ออกกำลังกายต้นขาและช่วงน่องด้วย จากนั้นก็เดินทางกลับบ้าน 

อีกหนึ่งวัดที่ได้ไปเที่ยวมา เลยขอบอกต่อ 

BY: K.C.A.N

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2563

วิมานพญาแถน แห่งยโสธร

 


จังหวัดสุดท้ายแห่งทริปภาคอีสานยโสธร เมืองบั้งไฟพญานาค ตำนานพญาแถน ตำนานการขอฝนแห่งภาคอีสาน สามารถเข้าไปดูได้จากในตัวพญานาค ที่ทางจังหวัดจัดทำขึ้นมาเป็นพิพิธภัณท์ โดยมีพญานาค และพญาคันคาก (คางคก) ที่เป็นอาคารสูง 5ชั้น


ตำนานเล่าว่า พญาแถนอยู่บนชั้นฟ้า ไม่ยอมให้พญานาคขึ้นไปเล่นน้ำ ทำให้ฝนไม่ตกลงมาสู่โลกมนุษย์ พญาคันคากและเหล่าสัตว์ต่างๆ ก็เดือนร้อนเพราะว่าฝนไม่ตก เมื่อพญาคันคากพบกับพญานาค ก็ได้สอบถามเรื่องราว จึงทราบว่าพญาแถน ไม่ยอมให้พญานาคขึ้นไปเล่นน้ำ ที่เมืองพญาแถน


พอพพญาคันคากทราบเรื่องก็ได้ให้เหล่าปลวกช่วยกันสร้างจอมปลวกสูงขึ้นไปจนถึงวิมานพญาแถน และได้ยกพวกขึ้นไปทำสงครามกับพวกพญาแถนบนชั้นฟ้า จุดประสงค์เพื่อให้พญานาคสามารถขึ้นไปเลนน้ำได้ และทำให้ฝนตกลงมาสู่โลกมนุษย์ 


สงครามดำเนินอยู่หลายปี ทำให้เหล่าสัตว์ล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ก็ยังไม่ชนะ จนกระทั่งพญาคันคาก ต้องออกอุบาย ให้เหล่าปลวกไปกัดทวนของพญาแถน และให้พญานาคไปปลอมเป็นหางของช้าง จนในทีสุดพญาแถนก็พลาด และพ่ายแพ้ต่อพญาคันคาก จากนั้นพญาคันคาก ก็ได้จับพญาแถน และได้สั่งสอน


พญาแถนว่าถ้าไม่ให้พญานาคขึ้นมาเล่นน้ำ ฝนก็จะไม่ตก ทำให้สัตว์บนโลกมนุษย์ล้มตาย จากนั้นพญาคันคากก็ได้ทำสัญญากับพญาแถนว่า จะต้องให้พญานาคขึ้นมาเล่นน้ำทุกปี โดยทางโลกมนุษย์ จะส่งสัญญาณขึ้นมาเพื่อให้ท่านทราบและท่านจะต้องอนุญาติให้พญานาคขึ้นมาเล่นน้ำได้ เพื่อให้ฝนตกที่โลกมนุษย์ ซึ่งพญาแถนก็รับปาก ปละจากนั้นเป็นต้นมา เมื่อกบหรือพญาคันคากร้อง ก็จะเป็นสัญญาณ เพื่อให้พญานาคขึ้นไปเล่นน้ำ เพื่อให้ฝนตก จนกระทั่งในปัจจุบันมนุษย์จะช่วยส่งพญานาคขึ้นไปบนวิมาณพญาแถนให้เร็วยิ่งขึ้นด้วยบั้งไฟ 


นอกจากตำนานแล้ว ก็ยังมีเรื่องราวที่เป็นวิทยาศาสตร์ด้วย ทั้งเรื่องของงู คางคกกบ เขียด ปาด เรื่องที่เที่ยวของยโสธร ประเพณีต่างๆ ของจังหวัด และของภาคอีสาน ค่าเข้าชมทั้ง 2อาคาร ผู้ใหญ่ 40บาท ผู้สูงอายุ 20บาท ส่วนเด็กไม่แน่ใจ เพราะในกลุ่มไม่มีเด็กเลย...

งานนี้ต้องขอขอบพระคุณน้าอี๊ดอย่างสูงที่เป็นไกด์พาเที่ยว เดี๋ยวบล๊อกหน้าจะมาเหล่าเรื่องของวัดสวยๆ ที่อำนาจเจริญ ที่น้าอี๊ดพาไป



BY : K.C.A.N

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2563

วัดพญานาคแห่งใหม่ จังหวัดอุดรธานี

วัดพญานาคแห่งใหม่ในจังหวัดอุดรธานี วัดสระมณี อำเภอหนองหาน ตำบลผักตบ บ้านผักตบ ใกล้เสร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว 

พอดีช่วงนี้ได้มาปฎิบัติหน้าที่ที่จังหวัดอุดรธานี เลยลองหาที่เที่ยวดูปรากฏว่ามีคนแนะนำว่าให้มาที่วัดนี้ดู เป็นวัดพญานาคแห่งใหม่ของจังหวัด ซึ่งทางจังหวัดกำลังโปรโมทอยู่ด้วย

โดยโบสถ์ที่มีพญานาคพันอยู่โดยรอบ เรียกว่าเป็นงานศิลปะปูนปั้นที่สวยงามมากอีกหนึ่งแห่ง ด้านหน้าของโบสถ์มีสระน้ำที่มีสีออกสีน้ำเงิน ก็ไม่รู้ว่าเป็นไป


ตามธรรมชาติหรือเปล่า ถ้าเป็นไปตามธรรมชาติก็เรียกว่าแปลกดีครับ ส่วนด้านในก็ยังมีการเขียนภาพศิลปะรวมสมัยกันอยู่ ยังไม่เสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าด้านนอกก็เรียกว่าเสร็จเกือบหมดแล้ว

พระประทานตั้งอยู่บนฐานที่มีพญานาค 15เศียร ล้อมอยู่ เรียกว่าสวยงามตามจิตนาการ ผนังโบสถ์ ก็เป็นภาพเขียนเสมือนภาพจริงอยู่โดยรอบ เรียกว่าสวยงามมาก ถ้าหากว่าได้มีโอกาสมาเที่ยวอุดรฯ ลองแวะมาเที่ยวดูครับ ก่อนจะผ่านไปคำชะโนด แวะที่วัดนี้ได้ "วัดสระมณี" พิกัด GPS 17.3186162,103.0228113

BY : K.C.A.N

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2563

น้ำตกพลิ้ว

 


หากจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนแบบนี้ คงจะหนีไม่พ้นน้ำตก เพราะเป็นฤดูที่หน้าเที่ยวที่สุดแล้ว ใน 3ฤดูของประเทศไทยเรา เพราะว่าน้ำจะเยอะกว่าฤดูอื่นๆ บรรยากาศจะร่มรื่น เป็นสีเขียว ดูแลทำให้มีความสุขกาย สุขใจ


บวกกับเสียงสายน้ำไหลที่ดังตลอดเวลา แต่ว่าไม่น่ารำคาญ เหมือนเสียงเครื่องยนต์บนท้องถนน เป็นการเพิ่มพลังชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งเลยทีเดียว


และในบรรดาน้ำตกที่เป็นตำนานของประเทศไทย สมัยที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่น เวลาจัดฉิ่งฉาบทัวร์กันในระแวกภาคกลาง ก็จะหนีไม่พ้น น้ำตกสาริกาน้ำตกนางรองน้ำตกพลิ้วน้ำตกเอราวั


กว่า 30ปีผ่านไปได้มีโอกาสไปเยี่ยมน้ำตกพลิ้วอีกครั้ง อยากบอกว่าธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่มากๆ 


น้ำไหลลงจากภูเขาเป็นธารน้ำที่ไหลค่อนข้างแรง และเราจะเดินตามธารน้ำขึ้นไปเรื่อยๆ มีที่พักริมทาง ร้านกาแพสดให้ได้นั่งพัก นั้่งชมธรรมชาติกัน ริมธารน้ำ เรียกว่ามีการบริหารจัดการที่ดีในระดับที่ดีเลยทีเดียว


เมื่อเดินขึ้นไปจนสุดทาง ก็จะพบกับน้ำตกขนาดใหญ่ ที่ไหลลงมาจากภูเขาสูง เสียงน้ำแรงมาก และละอองน้ำแบบว่าเหมือนฝนตกเลย แวะไปถ่ายรูปแป๊บเดียวเสื้อชื้นหมดเลย ระยะทางเดินเข้า-เดินออก ก็ประมาณ 1ชม. นิดๆ จากประตูอุทยานแบบเดินชิวๆ แวะเข้าห้องน้ำ 1ครั้ง ก็เรียกว่ากำลังได้เหงื่อพอดีๆ ลองแวะไปเยี่ยมชมกันได้ครับ อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล แค่จังหวัดจันทบุรีนี่เอง

พิกัด GPS: @12.527872,102.179281

BY: KCAN

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เขาใหญ่ น้ำตกเหวสุวัต

เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่ผ่านมาได้มีโอกาสขึ้นไปนอนเต็นท์ที่บนเขาใหญ่อีกครั้ง กับครอบครัวคนข้างบ้าน ซึ่งชอบแนวนอนเต็นท์คล้ายๆ กัน ทางครอบครัวเขาขึ้นไปกันก่อน แล้วโทรมาให้ตามขึ้นไป


โดยบอกว่าอยู่ที่ลานกางเต็นท์ลำตะคอง เพราะว่าเขาหยุด 4วัน แต่เราหยุดแค่วันเดียว เลิกงานปุ๊บ ก็รีบตามขึ้นไปปั๊บ โดยคุณภรรยาผมนี่แหละตัวตั้งตัวตี ที่อยากไป พอขึ้นไปถึงก็มืดมากแล้ว ยังดีที่มีเต้นท์ให้เช่าเหลือ ไม่อย่างนั้น คงต้องนอนให้กวางเลียหน้าแน่ๆ หลังจากได้นั่งกิน นั่งดื่มเล็กๆ น้อยๆ และคุยเรื่องสัพเพเหระกันซักพัก ก็ไปอาบน้ำแล้วก็เข้านอน 


ในช่วงเช้า ก็อาบน้ำและก็มาหุงหาอาหารกินกัน เมนูหลักๆ ก็มาม่ากับไข่ต้ม ไข่ทอด ปลากระป๋อง ขนมปัง จากนั้นก็ไปเดินถ่ายรูปเล่นกันรอบๆ ลานกางเต็นท์ ซึ่งเรามีนางแบบรุ่นเด็ก รุ่นโตเยอะมาก 555


และเพื่อรอเวลาให้เต็นท์ที่เปียกน้ำค้างได้แห้งก่อนที่จะเก็บลงกระเป๋า แต่พอดีของทางผมเป็นเต้นท์ของอุทยานฯ เพราะว่าขึ้นไปดึก เลยไม่ต้องเก็บ ก็ไปช่วยเขาเก็บเต็นท์กัน


จากนั้นก็ไปต่อที่น้ำตกเหวสุวัตที่อยู่ห่างออกไปอีก ไม่กี่กิโลเมตร ซึงก็ยังสวยเหมือนเดิม แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไปหลายปีที่ไม่ได้มา อีกทั้งน้ำก็ยังเยอะเหมือนเดิม มุมถ่ายภาพก็จะเป็นมุมเดิมๆ เหมือนที่มาทุกครั้ง จะแตกต่างก็ตรงคนที่เข้าไปอยู่ในภาพ ที่เปลี่ยนไป...


แต่ที่ดูตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ ก็คงจะเป็นเด็กๆ ยุคใหม่ ที่พึงมาเป็นครั้งแรกนี่แหละ ชวนกันเดินลงไปหน้าน้ำตก ตอนเดินลงก็ไม่เท่าไหร่นะครับ แต่คงลืมคิดถึงตอนเดินขึ้น... อยากบอกว่าอย่างเหนื่อย ขนาดเด็กบอกว่าเหนื่อย รุ่นเราก็ไม่ต้องพูดถึงครับ 10ขั้นพักทีนึงเลย 555



จากนั้นก็ต้องแยกทางกันกลับ เพราะว่าผมมีธุระต่อที่นครนายก แต่ว่าทางทีมเขาจะไปต่อที่ผาเดียวดาย และน้ำตกเหวนรก สนุกสนานในวันพรรชนมพรรษา มาหาธรรมชาติใกล้ๆ กรุงเทพฯ 


BY: K.C.A.N