วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2563

น้ำตกมวกเหล็ก น้ำตกใกล้กรุงเทพฯ

 

น้ำตกมวกเหล็ก หรือน้ำตกหมวกเหล็ก เป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มาก และอยู่ห่างจากถนนมิตรภาพ เพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น โดยตั้งอยู่ในสวนรุกขชาติมวกเหล็ก ซึ่งสวนรุกชาติมวกเหล็กแห่งนี้กินพื้นที่กว่า 300ไร่ กินพื้นที่ 2อำเภอ คืออำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

พิกัด GPS ของสวนรุกขชาติมวกเหล็ก @14.6434741,101.2020718 ซึ่งภายในสวนรุกขชาติจะเงียบสงบ และร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ ซึ่งที่สวนรุกขชาติแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ยืนต้นที่สำคัญๆ ของประเทศไทย ทั้งพรรณไม้ที่มีความสำตัญทางเศรษฐกิจ และความสำคัญในด้านต่างๆ ให้ได้ศึกษาหาความรู้กัน

ช่วงเดือนกันยายน และตุลาคม จะเป็นช่วงที่มีน้ำเยอะ น้ำตกจะสวนเหมือนอย่างในรูป เสียงน้ำดังมาก ภายในสวนรุกขชาติ มีสะพานแขวนอยู่ 2แห่ง ซึ่งมีถนนสามารถเดินออกกำลังกายหรือปั่นจักรยานวนได้ทั้ง 2สะพาน โดยคลองที่มีน้ำตกมวกเหล็กนี้เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่าง 2จังหวัดด้วย 


โดยเราสามารถที่จะเดินข้ามจังหวัดกันได้ง่ายๆ ระหว่างสระบุรี และนครราชสีมา แค่ข้ามสะพาน ภายในสวนรุกขชาติมวกเหล็กแห่งนี้ ยังมีต้นไม้ของพ่อด้วย โดยในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงเสร็จมาปลูกต้นประดู่ ที่สวนแห่งนี้เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2501 หรือเมื่อ 60กว่าปีที่แล้ว...


ซึ่งภายในสวนรุกขชาติมวกเหล็ก ก็มีบ้านพักให้สามารถเช่าเพื่อนอนค้างคืนภายในสวนรุกขชาติได้ด้วย เฝื่อว่าท่านใดอยากจะพักผ่อนแบบไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ไม่ต้องขับรถไกลๆ ได้บรรยากาศที่ร่มรื่น นอนฟังเสียงน้ำตกช่วง เสาร์-อาทิตย์ ก็สามารถติดต่อสอบถามกันได้


แต่ว่าบ้านพักมีเพียง 1-2หลังเท่านั้น ก็ต้องต่อคิวกันนิดนึง เพราะว่าคิวค่อนข้างยาว โดยสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 036 344-100



By: K.C.A.N






วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2563

ที่นี่ประเทศไทย #วัดโฝวกวงซัน


เมื่อ 2อาทิตย์ที่แล้วมีเพื่อนในไลน์ ส่งรูปมาให้ดูตอนแรกคิดว่าไปเที่ยวประเทศจีนมาซะอีกเลยไลน์ไปถามว่าเขาให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวแล้วรึ? เพื่อนก็ส่งสติ๊กเกอร์เป็นรูปหัวเราะมา แล้วก็บอกว่าไม่ได้ไป

ต่างประเทศ รูปที่ส่งไปให้ดูอยู่ที่ประเทศไทยเรานี่แหละ ก็เลยสอบถามว่าอยู่แถวไหน ชื่อว่าอะไร เพื่อนก็บอกว่าอยู่แถวถนนคู้บอน กรุงเทพฯ นี่เอง ชื่อ #วัดโฝวกวงซัน น่าจะเป็นวัดสไตล์จีนไต้หวัน สวยมากพาแม่


ไปเที่ยวซิแนะนำ เพื่อนบอกว่าขนาดนี้ ก็เลยลองหาข้อมูลใน Google maps ปรากฏว่าอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ประมาณ40-45นาที ความจริงก็วิ่งผ่านแทบทุกวัน ใกล้ๆ กับมอเตอร์เวย์ สาย 9 เวลาวิ่งผ่านจะ


เห็นองค์เจ้าแม่กวนอิมอยู่ เคยคิดว่าจะพาแม่มาเที่ยวอยู่ แต่ไม่รู้จักว่าสถานที่ชื่ออะไร และจะมายังไงด้วย รู้แต่ว่าต้องวิ่งเส้นคู่ขนาดของมอเตอร์เวย์ แต่อยู่ๆ ก็รู้จักเพื่อน แน่นอนว่าต้องไม่รอช้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วช่วงสายๆ หน่อย เพราะตอนเช้าฝนตก พอฝนหยุดตกก็เลยชวนแม่ผมกับลูกสาวมาเที่นว แต่ว่าลูกสาวบอกว่าจะ


สอบแล้วจะอ่านหนังสือ ขอผ่าน พอดีแฟนบอกว่าจะไปด้วย เพราะขอติดรถออกมาซ่อมแว่น จากนั้นก็ออกเดินทางกัน 3คน โดยมีแม่ผมและภรรยา ไปถึงที่วัดประมาณเที่ยงๆ พอดี ด้วยความที่แม่ผมไม่สะดวกที่จะเดินต้องใช้รถเข็น ตอนแรกก็คิดว่าคงจะเที่ยวไม่ได้ เพราะจะต้องมีขึ้นๆ ลงๆ บันได แต่บอกได้เลยครับว่า


ที่วัดนี้มีทางลาดทุกที่ครับ ผู้สูงอายุที่นั่งรถเข็นสามารถที่จะเข้าไปไหว้พระในวิหารได้เลย เรียกว่าออกแบบตามหลักอารยะสถาปัตย์จริงๆ สวยงามทั้งองค์เจ้าแม่กวนอิม เจดีย์ โดยเฉพาะภายในวิหาร มีโรงเจให้ได้รับประทานอาหารด้วย แล้วแต่จะบริจาค แต่จะเป็นอาหารเจทั้งหมดนะครับไม่มีเนื้อสัตว์ แต่อยากบอกว่ารสชาติดีมากครับ


วันนั้นเป็นวันที่ดีครับ ครึ้มฟ้า ครึ้มฝน แต่ว่าฝนไม่ตก แดดก็ไม่มี อากาศเย็นสบายเหมาะกับการเที่ยวมาก ยังคิดในใจอยู่ว่ามาไหว้เจ้าแม่กวนอิมแล้วรู้สึกเย็นสบายเลย 


แม่ผมก็บอกว่าวัดสวยมาก เอาไว้ต้องชวนหลานๆ มาเที่ยวอีก ซึ่งก็ขอแบ่งปันต่อ เหมือนอย่างที่เพื่อนแบ่งปันมาครับ พิกัด GPSของวัด @13.8563267,100.6772584 ออกไปเที่ยว ออกไปไหว้พระ ออกไปหาของกินนอกบ้าน โดยเฉพาะร้านค้าริมทาง เพื่อให้เงินมันหมุนไปครับ กระตุ้นเศษรฐกิจ

อย่าเข้าแต่ 7-11 เพราะจะทำให้เงินหมุนได้น้อยรอบกว่าแม่ค้าริมทางมาก

By: K.C.A.N

















 



วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2563

หลวงพ่ออู่ทอง แห่งเมืองสุพรรณบุรี

 

เมื่อสัปดาห์ผ่านมาได้มีโอกาสไปทำธุระที่อำเภออู่ทองจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นช่วงเวลาใกล้ที่จะพักเที่ยงพอดีถ้าไปยังสถานที่เป้าหมายเลยก็คงจะไม่ทันเที่ยงแน่นอน อย่ากระนั้นเลยหาที่พักแบบเป็นที่เที่ยว ที่กินข้าวด้วยเลยน่าจะดีกว่า


แล้วสมองก็เรื่มคิดไปด้วย และก็ขับรถไปด้วย ที่เที่ยวอู่ทอง ที่จะเป็นทางผ่านไปยังจุดหมายปลายทางต่อได้โดยไม่อ้อมมาก ก็คิดถึงเมื่อหลายปีก่อนเคยมากับลูกๆ เป็นพระองค์ใหญ่ๆ ที่เขาแกะสลักเข้าไปจากหน้าผา ซึ่งเมื่อหลายปี


ก่อน ก็พึ่งจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างของพระองค์ใหญ่อยู่ ประมาณ 30-40% สมัยก่อนเข้าใจว่าเป็นของวัดเขาทำเทียมแต่ปัจจุบันนี้ก็ไม่แน่ใจว่ายังใช่เป็นของทางวัดเขาทำเทียมอยู่หรือไม่นะครับ เห็นมีการตั้งชื่อว่าเป็นหลวงพ่ออู่ทอง ส่วนวัดเขาทำเทียม ก็ยังอยู่ใกล้ๆ ก่อนถึงองค์พระเล็กน้อย


พอคิดได้แล้วก็ได้ลองขับรถเข้าไปดูกันเลย เพราะว่าระยะก็ห่างจากถนนสายหลักเข้าไปแค่ประมาณไม่เกิน 2 กม. เท่านั้น พอขับรถเลี้ยวเข้าไป ก็ต้องตกตะลึงกับองค์พระขนาดใหญ่ สร้างเสร็จเรียกว่าเกินกว่า 90-95% แล้ว เรียกว่า


สวยมากๆ ทำให้คิดว่า ผมไม่ได้มานาน หรือว่างานก่อสร้างสมัยนี้เจริญก้าวหน้ามาก เลยทำให้สร้างได้เร็ว หรือจะทั้งสองอย่าง อีกทั้งยังได้เจาะอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่อยู่ทางด้านหลังขององค์พระอีกหนึ่งอุโมงค์ด้วย ซึ่งภายในอุโมงค์


ก็มีการตั้งพระพุทธรูปให้คนได้ไหว้กันด้วย แต่ว่าอากาศร้อนไปหน่อยครับ ต้นไม้ยังไม่มาก และส่วนมากเป็นภูเขาหิน เพิ่มอุณหภูมิของอากาศ แนะนำให้นำร่ม หมวก แว่นตาดำไปกันแดดด้วย และถ้าหากว่ามีผู้สูงอายุ สามารถใช้วีลแชร์ได้ แต่ถนนยังขุขระอยู่อาจต้องใช้แรงเยอะหน่อย ส่วนพิกัด gps ก็ @14.3632017,99.8734815 หากใครว่างและกำลังหาที่เที่ยวไม่ไกลจาก


กรุงเทพฯ มากนักก็ขอแนะนำไปเที่ยว ไปเช็คอิน ไปถ่ายรูป ไปทำบุญ และไปกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งด้านหลังขององค์พระ ก็จะมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอีกแห่งชื่อว่าสวนหินพุหางนาค มีเมืองลับแล และพญานาค ให้ได้ดูด้วย เรียกว่ามาที่เดียวเที่ยวได้หลากหลายรูปแบบ สมกับสโลแกน 
"เมืองโบราณอู่ทอง..."

By: K.C.A.N

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2563

ไปกราบพ่อปู่ศรีสุโท และแม่ย่าศรีปทุมมามาแล้ว

เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วได้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดอุดรธานี และต้องเดินทางไปต่อที่จังหวัดสกลนคร เลยขอแวะไปที่วัดนาคินทร์คำชะโนด โดยห่างไปอีก เพียง 60กม. เท่านั้น จึงขอออกนอกเส้นทางเพื่อไปกราบ


กราบพ่อปู่ศรีสุทโธ และแม่ย่าศรีปทุมมาซักหน่อย เพื่อขอบารมีของท่านทั้งสองช่วยให้เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน และช่วยให้ทุกๆ คนในครอบครัวมีสุขภาพที่แข็งแรง 


ตอนที่เข้าไปในวัดเองก็งง เพราะว่าพึ่งจะมาครั้งแรก ก็เดินดูรอบๆ วัดอยู่พักหนึ่ง จึงได้เดินไปสอบถามคนที่มาเที่ยวว่า จะไปไหว้พ่อปู่กับแม่ย่าไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน  เพราะว่ามีชื่อเสียงระดับประเทศ แต่ว่าเดินวนแล้วก็ไม่พบเลย ซึ่งนักท่องเที่ยวก็แนะนำว่า ต้องเข้าไปที่วังนาคินทร์ ต้องไปเอาบัตรประชนที่ด้านหน้าของวัดก่อน เพราะว่าจะต้องทำการตรวจอุณหภูมิก่อนถึงจะเข้าไป ซึ่งก็ได้เดินไปตามคำแนะนำ ก็ถือว่า


โชคดี ที่เป็นวันธรรมดา และเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ แล้วด้วย คนเลยไม่ค่อยแยะมาก เจ้าหน้าที่บอกว่าปกติ ต้องลงทะเบียนจากทางอินเตอร์เน็ตมาก่อนถึงจะเข้าได้ เพราะคนเยอะมาก มาแลกบัตรแบบนี้ จะไม่ทัน ได้สอบถามว่าระบบแบบนี้ใช้มานานแล้วหรือครับ เจ้าหน้าที่บอกว่าพึงจะเปลี่ยนระบบหลังจากที่เกิด


โควิด-19 นี่เอง จากนั้นก็เดินไปตรวจวัดอุณหภูมิ และก็ปล่อยให้เดินเข้าไปที่ทางเข้าวังนาคินทร์ ซึ่งไม่สามารถสวมรองเท้าเข้าไปได้ จะต้องถอดรองเท้าเอาไว้ข้างนอก ซึ่งจะมีที่เก็บรองเท้าเาอไว้ให้ จากนั้นก็เดินเข้าไปในวังนาคราช ระยะทางก็น่าจะประมาณ 100-200เมตร โดยเดินตามลำตัวของพญานาคทั้งสองเข้าไป ถึงบริเวณโดยรอบก็จะเป็นป่าที่ค่อนข้างทึบเลย โดยส่วนมากก็จะเป็นต้นชะโนด


บรรยากาศเย็นสบายมาก ไม่ร้อนเลย สมกับที่เป็นวังนาคินทร์จริงๆ จากนั้นก็จะมาถึงที่ศาลพ่อปู่ศรีสุทโธ และแม่ย่าศรีปทุมมา ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่นำกราบพ่อปู่ กับแม่ย่าเป็นรอบๆ รอบละ 10-15คน โดยจะมีการกำหนดจุดที่พื้น เอาไว้ให้ยืนห่างๆ กัน



เมื่อกราบพ่อปู่ กับแม่ย่า เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ให้เดินเข้าไปต่อที่ต้นไม้ที่เป็นต้นใหญ่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นต้นอะไร ดูแล้วไม่น่าจะใช่ต้นชะโนด เห็นบอกว่าจะมีคนเข้ามาขอหวยกันเยอะ แต่ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่เขาไม่อนุญาติให้ขอหวยแล้ว



จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้เดินวน อ้อมหลังศาลพ่อปู่กับแม่ย่าไปยังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็มีคนมาขอน้ำในบ่อ เพื่อเอาไปรดรถเพื่อเป็นสิริมงคล แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาติ



เมื่อเดินวนครอบแล้ว ก็ได้เดินกลับออกมาจากวังนาคินทร์ ด้วยความสุขใจ และเดินทางต่อไปยังจังหวัดสกลนครเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป







วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2563

สำนักสงฆ์เขาพระครู อำเภอศรีราชา ชลบุรี

    วันหยุดยาวชดเชยสงกรานต์ ทางครอบครัวน้าอี๊ด เขานัดกันกับภรรยาผมว่าจะมาพบกันและทานอะไรกันนิดหน่อยที่ชลบุรี ที่เป็นบ้านของลูกสาวน้าอี๊ด ที่มาทำงานและแต่งงานอยู่ที่ชลบุรี ทางครอบครัวน้าอี๊ดก็

เดินทางลงมาตั้งแต่วันศุกร์แล้ว เพราะเป็นวันหยุด โดยเดินทางมาจากคนละทิศ ละทาง น้าอี๊ด น้าหน่อยเดินทางมาจากยโสธร ลูกๆ ก็มาจากสกลนคร ซึ่งก็ใช้เวลาในการเดินทางเป็นวัน แต่ว่าผมกับครอบครัวเดินทางวันเสาร์ และกลับวันอาทิตย์ เพราะว่าไม่หยุดชดเชย และชลบุรีเองก็ไม่ไกลมากจากที่บ้าน เดินทางจริงๆ ก็ไม่เกิน 2ชั่วโมง แต่ว่าไม่รวมรถติดนะครับ


เพราะรถชอบติดตรงจุดพักรถบางปะกง ติดแบบยาวๆ 10กม. ก็เสียเวลากว่า 1ชม. แล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ เราใช้เวลาเดินทางเกือบ 3ชม. กว่าจะถึงบางแสน ซึ่งทางภรรยาได้จองรีสอร์จเอาไว้ ให้ใกล้กับบ้านของลูกสาวน้าอี๊ด ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากหาดบางแสนมากนัก หลังจากคืนวันเสาร์ที่ได้ดื่มกิน พูดคุยกันให้หายคิดถึงแล้ว และร่ำลากันแล้ว คืนนั้นก็กลับมานอนที่รีสอร์จ


เช้าวันอาทิตย์ ลูกสาวก็บอกว่าเราจะไปเที่ยวไหนกันหรือเปล่า หรือว่าจะกลับบ้านเลย ซึ่งแม่ผมก็บอกว่าอยากไปเที่ยวจะรีบกลับทำไมบ้าน เลยหาที่เที่ยวกัน ก็เลยบอกว่า เมื่อคืนเห็นหมอต้องบอกว่ามีวัดสวยๆ อยู่บนเขา แถวๆ อำเภอศร๊ราชา แต่ไม่รู้ว่าชื่อวัดอะไร พอดีไม่ค่อยได้ตั้งใจฟัง ประกอบกับ Lกฮ ด้วย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ลูกสาวผมเขาหาจากในเน็ตแปล๊บเดียว ก็บอกว่าน่าจะเป็น สำนักสงฆ์เขาพระครู อยู่บนเขามีพญานาค และอยู่ที่อำเภอศรีราชา 


ก็เลยสอบถามว่าไกลจากที่นี่หรือเปล่า ลูกสาวก็บอกว่าประมาณครึ่งชั่งโมง ก็ไม่ไกลมาก เลยตกลงกันว่าจะไปกันที่นั่น ซึ่งช่วงแรกๆ ภรรยาผมเขาไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะเบื่อเที่ยววัดแล้ว มาทะเลก็ควรจะไปเที่ยวทะเล หาอาหารทะเลอร่อยๆ กิน แต่ด้วยความที่ว่าบ้านผมค่อนข้างจะประชาธิปไตย ซึ่งโหวตกัน


แล้ว ภรรยาผมก็เลยแพ้ แต่เพื่อไม่ให้แกเสียใจ ก็ได้ขับรถเข้าไปที่หาดบางแสนในตอนเช้าประมาณ 8:30 ไม่น่าเชื่อว่ารถติดแล้ว คนเยอะมากๆๆๆๆ ภรรยาผมก็เลยถอดใจ และก็ตกลงว่าไปเที่ยววัดก็ได้ พอไปถึงที่วัด ก็ต้องขึ้นเขา ซึ่งถือว่าชันใช้ได้ ต้องปิดแอร์ขึ้นกันเลย เข้าใจว่าระยะทางค่อนข้างสั้น



และก็โชคดีที่มาที่วัดค่อนข้างจะเช้าคือประมาณ 9โมงครึ่ง ขนาดมาเช้ายังไม่ค่อยจะมีที่จอดรถเลย แต่ก็โชคดีรอบ  2 คือมีแม่มาด้วยทางเจ้าหน้าที่เลยช่วยหาที่จอดรถที่ใกล้ๆ ให้เพราะจะได้ไม่ต้องเดินไกลมาก ทางวัดเอง ก็จะมีอาคาร เป็นอาคาร 3ชั้น ซึ่งเราจะเข้าไปที่ชั้นที่สอง เป็นห้องโถงใช้เป็นที่รับประทาน


อาหาร ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของเมืองศรีราชาได้อย่างสวยงาม ทางวัดเองก็จะมีโรงทาน ประกอบอาหารให้รับประทานฟรีด้วย ส่วนชั้นล่างจะเป็นห้องปฎิบัติธรรม ซึ่งก็ไม่ใครคนทั่วไปลงไปข้างล่าง เพราะว่ามีผู้มาปฎิบัติธรรมอยู่ 100กว่าท่าน ส่วนชั้นที่ 3 เป็นพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ และมีพญานาค พร้อมลูกแก้ว ที่จะเห็นภาพจริงหัวกลับ ของเมืองศรีราชาให้ได้ชมผ่านลูกแก้วด้วย



ซึ่งทางวัดเขาได้เตรียมลิฟท์ให้กับผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถขึ้นไปไหว้พระที่ชั้น 3ได้ด้วย ทำให้แม่ผมได้มีโอกาสชึ้นไปดูวิวและกราบพระที่ชั้น 3ด้วย ซึ่งสามารถใช้รถเข็นได้ทั้งวัด ยกเว้นห้องน้ำ เรียกว่าเป็นการออกแบบที่ดีทีเดียว แต่ว่าที่ชั้น 3จะเป็นเหมือนดาดฟ้า ทำให้โดนแดดแบบเต็มๆ จึงทำให้ค่อนข้างร้อนมากเลยทีเดี่ยว แต่ว่าก็ไม่เป็นอุปสรรค์ สำหรับคนที่จะมาขอพรจากลูกแก้วพญานาค และกราบพระ ขนาดเวลาประมาณ 10โมงกว่ายังร้อนมาก แต่ทางวัดก็จะมีร่มให้ยืมใช้กันแดดอยู่


เห็นบอกว่าวัดได้รับการออกแบบจากอาจารย์ท่านเดียวกับที่ออกแบบวัดร่องเสือเต้น หรือที่เรียกกันว่าวัดสีน้ำเงิน ที่อยู่ที่เชียงราย ว่างๆ ก็สามารถเคินทางมาเยี่ยมชม ขอพร หรือมาตั้งโรงทานกันได้นะครับใกล้ๆ กรุงเทพฯ 

พิกัด GPS สำนักสงฆ์เขาพระครู อำเภอศรีราชา ชลบุรี @13.1577384,100.9246882

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2563

ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ ระยอง

หลังจากที่ไปอยู่ภาคอีสาน 1สัปดาห์ วันนี้เราไปเที่ยวระยองกันครับ นั่นคือ ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ

เป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ในตัวเมืองระยอง อยู่ติดกับแม่น้ำระยองและใกล้กับทะเล เรียกว่าบรรยากาศดีมาก พี่ที่ดูแลสถานที่บอกว่าถ้ามาช่วงเย็นๆ แล้วขึ้นไปอยู่บนหอสูงดูพระอาทิตย์ตก จะสวยมาก แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถอยู่ได้ถึงตอนพระอาทิตย์ตก

ทางเดินเป็นสะพานไม้กว้างประมาณ 1.5เมตร ยาวน่าจะซัก 600-700เมตรเห็นจะได้ เรียกว่าเดีนไป-กลับก็ได้เหงื่อพอใช้ได้ พี่เขาเล่าให้ฟังว่าโครงการเริ่มมาตั้งแต่ช่วงปี 54 ตอนนั้นมีต้นไม่น้อยมากๆ ก็เริ่มฟื้นฟูมาเรื่อยๆ ด้วยความช่วยเหลือของชาวบ้าน และหลายภาคส่วน ทั้งเอกชนและรัฐบาล

จนปัจจุบันนี้ป่าเริ่มเยอะขึ้น แต่ก็จะมีช่วงท้ายๆ ที่ยังมีเห็นเป็นที่โล่งๆ ที่กำลังพัฒนาอยู่ ช่วงที่ไปเป็นช่วงบ่ายสอง บ่ายสามโมง แต่เวลาเดินอยู่ข้างใน ไม่ค่อยจะมีแดดเท่าไหร่อากาศก็เลยไม่ร้อนมาก ไฮไลท์ ก็คือหอสูงที่ทาง IRPC มาสร้างเอาไว้ให้ เรียกว่า "หอชมวิวเฉลิมพระเกียรติ

ความสูงของหอพี่เขาบอกว่า 22เมตร โดยประมาณ ซึ่งเมื่อเดินขึ้นไปถึงข้างบนจะมองเห็นวิวของแม่น้ำระยองสวยมาก และก็คอนโดปู ที่พี่เขาบอกว่าได้จิตอาสามาช่วยกันสร้าง เพื่อให้ปูอยู่ ซึ่งก็มีปูเข้ามาอยู่จริงด้วย ไม่รู้ว่าปูต้องซื้อเหมือนคนเราหรือเปล่า...


ปัญหาเกี่ยวกับการเดินทางอย่างเดียวที่พบก็คือ ถ้าหากว่าใช้ Google mapsในการนำทาง และตั้งค่าให้ไปที่หอเฉลิมพระเกียรติ แล้วละก็ ท่านจะข้ามไปอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ บริเวณที่เขาสร้างตอนโดกันอยู่อ่ะครับ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนไปปักหมุดเอาไว้ ทำให้หลงกันไปหลายรายมาก 


ดังนั้นถ้าท่านใดสนใจที่จะไปให้ปักหมุดไปที่ "ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ ระยอง" แล้วท่านจะไม่หลงนะครับ หรือที่พิกัด GPS @12.6652409,101.2463996

พี่เขาบอกว่าถ้ามาช่วงน้ำขึ้นก็จะสวยอีกแบบนึง แต่ตอนมาเป็นช่วงน้ำลดก็จะสวยอีกแบบนึง ก็จะได้เห็นคอนโดปูด้วย


พี่เขายังบอกอีกว่าคนจะเยอะช่วง เสาร์ อาทิตย์ ช่วง 4โมงเย็น รถจะจอดกันยาวออกไปถึงปากซอยเลย เกือบลืมว่าที่จอดรถค่อนข้างน้อยครับ ต้องจอดข้างทางในซอยแล้วเดินเอา ถ้าใครไปแล้วได้ถ่ารูปพระอาทินย์สวยๆ เอามาฝากให้ดูด้วยนะครับ

อีกหนึ่งที่ประเทศไทย ที่ได้ไปเยือน 

BY: KCAN