วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2566

เจ้แขกปากหมา

เจ้แขกปากหมา

     เห็นหัวเรื่องแล้วผมไม่ได้ว่าอะไรใครนะครับ แค่มันเป็นชื่อร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าหนึ่งที่พนัสนิคมเฉยๆ ด้วยความที่เป็นคนชอบก๋วยเตี๋ยวเรือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ชอบแวะชิมไปเรื่อย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งร้านในตำนานก๋วยเตี๋ยวเรือที่ได้ไปชิมมา

     พอดีได้มีโอกาสไปปฎิบัติหน้าที่แถวๆ นั้น เลยได้ลองแวะชิมรสชาติดูสักหน่อย เห็นในหลายๆ เว็บไซท์กล่าวขานถึง ว่าเป็นร้านดังของเมืองพนัสนิคม


     ก็ต้องบอกตามตรงว่าถ้ารสชาติไม่ดีจริง ร้านนี้น่าจะต้องปิดกิจการไปแล้ว ยิ่งช่วงโควิดด้วย ก็ไม่รู้ผ่านมาได้ยังไง นอกจากจะมาจากรสชาติ และฝีมือแน่ๆ เพราะทำเลที่ตั้งอยากบอกว่าอยู่อย่างลึกลับ อยู่หลังตลาด และท้ายๆ สุดของซอยเลยก็ว่าได้ฮ่าๆๆ ทำให้คิดถึงคำพูดของพวกน้องๆ ที่ขับ Grap, Food Panda และอื่นๆ เลย  ว่าร้านดังๆ ที่อร่อยๆ มักจะอยู่ในซอกในหลืบกันไม่รู้ทำไม แต่ก็ดันมีคนรู้จัก และอยากกิน ก็คงจะเป็นแบบนั้นจริงละมั้ง...


     ร้านเป็นตึกแถวห้องหัวมุม และทำเป็นหลังคายื่นออกมา ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ดูแล้วโล่งโปรงน่านั่งดี ในร้านก็สะอาด แม้ว่าโต๊ะเกาอี้ต่างๆ อาจจะดูเก่าไปหน่อย แต่ก็สะอาด และบ่งบอกถึงอายุของร้านได้ว่าขายมานานแค่ไหนแล้ว 

     วันนั้นที่ไปได้สั่งบะหมี่น้ำ 1 และแห้ง อีก 1 เป็นแบบธรรมดา เพื่อลองชิมรสชาติดู ก็ต้องบอกว่าแม่ค้าลวกเส้นได้สุกพอดีไม่เละ และไม่แข็ง แต่แบบน้ำเหมือนแม่ค้าเขาจะหวงน้ำซุปไปหน่อย ให้แบบคลุกคลิกๆ ไม่ใสน้ำมาเยอะๆ แบบบางร้าน  น้ำซุปก็มีกลิ่นหอม กลมกล่อม รสชาติดีเลย แต่อยากบอกว่าพริกร้านนี้เขาเผ็ดใช้ได้เลยทีเดียว อันนี้ควรน่าจะมีป้ายบอกเอาไว้จะดีมาก แต่แม่ค้าคงจะกลัวหาว่าแม่ค้าหวงพริกหรือเปล่า เลยไม่เตือน 

บะหมี่แห้ง

     หลังจากที่กินเสร็จเรียบร้อยแล้ว และรู้รสชาติแล้ว ก็ต้องสั่งกลับไปให้คนที่บ้านได้ลองชิมด้วยซิ เพราะว่ามันอร่อยจริงสมคำล่ำรือ แบบห่อกลับเลยขอเป็นแบบพิเศษ 40บาทเลย เพื่อความอื่มในถุงเดียว 


     อีกอย่างที่ทำให้ร้านนี้มีเส่ห์ คือ ชื่อร้าน เพราะชื่อร้านนี่แหละ เวลาเราเข้าไปนั่งกิน แบบยิ่งมาคนเดียวด้วยแล้วล่ะก็ ต้องแบบสงบปาก สงบคำ ไม่กล้าพูดอะไรมาก สั่งเสร็จแล้ว ก็นั่งรอแบบเงียบๆ นั่งเล่นโทรศัพท์ไป ฮ่าๆๆๆ แต่แม่ค้าก็ดูไม่ใช่อย่างที่ป้ายชื่อร้านบอกเอาไว้นะ พูดคุยสุภาพดี

     อาจจะพูดเยอะไปหน่อย เพราะตั้งแต่เข้าไปนั่ง จนจ่ายเงินออกจากร้าน จะได้ยินเสียงแม่ค้าคุยกับเพื่อน หรือลูกน้องไม่แน่ใจ ตลอดเวลา เวลามีตำรวจขับมอเตอร์ไซด์ผ่าน ก็ตระโกนทักทายกันกับคุณตำรวจ ดูแล้วน่าจะเป็นคนเพื่อนเยอะ แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้ากินเสร็จแล้วไม่จ่ายตังค์ จะเป็นแบบไหนนะครับ  อีกอย่างคือแกชอบดอกมะลิที่เขาเอาไว้ร้อยพวงมาลัยมาก ถึงขนาดเอามาปักผมแกเยอะเลย แต่คงจะไม่ถึงขั้นเอาดอกมะลิไปแลกก๋วยเตียวหรอกนะครับ แต่อาจซื้อไปฝากแกได้ แกชอบ 

     โดยรวมแล้วร้านนี้ก็ถือว่าผ่านครับ ทั้งรสชาติ และถูกสุขลักษณะ อนามัย อัธยาศัย สามารถแนะนำหรือบอกต่อได้ แต่ก็น่าเสียดายที่อยู่ไกลไปหน่อย น่าจะมีสาขา ในกรุงเทพฯ จะได้ไม่ต้องเดินทางไปตั้งพนัสนิคม

พิกัดร้าน ก็คลิ๊กตามนี้ได้เลย

13.4493278,101.1825449

ฺBy: K.C.A.N


วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566

Smart watch กับ Mobile Phone

มีเพื่อนบ้านมาสอบถามว่า ถ้าหากว่าจะซื้อของขวัญให้ลูกน้อยอายุซัก 5-6ขวบ กำลังจะเข้า ป.1 ซักกะชิ้นนึงจะซื้ออะไรให้เขาดี ? ลูกเขาอยากได้โทรศัพท์มือถืออ่ะ  เลยแนะนำไปว่าซื้อเป็น Smart watch แบบนี้ให้จะดีกว่าไหม 



ผมว่าซื้อเป็นนาฬิกา ที่เป็น Smart watch ให้จะดีกว่า เพราะเด็กอายุประมาณนี้ ยังรับผิดชอบของตัวเองได้ยังไม่ดีเพียงพอ ถ้าหากว่าซื้อโทรศัพท์มือถือให้ โอกาสที่หายน่าจะสูงกว่า นาฬิกาหรือเปล่า เพราะอย่างน้อยๆ นาฬิกาก็ใส่อยู่ที่ข้อมือตลอดเวลา แถมสามารถใช้เป็นโทรศัพท์ ก็ได้เหมือนกัน เพราะสามารถใส่ SIM มือถือได้  สามารถ Tracking ลูกเราได้ตลอดเวลา ว่ายังอยู่ในตำแหน่งที่กำหนดไว้หรือเปล่าด้วย และยังสามารถใช้ดูเวลา และสอนให้เขาเป็นคนตรงต่อเวลาได้ด้วย  แต่ว่าเด็กๆ ก็ยังอยากได้มือถือมากกว่า โดยบอกว่าสามารถลง App ต่างๆ ได้ โน่นนี้ นั่น นี่แค่เด็ก ป.1 รู้จัก App กับแล้ว แต่ว่าด้วยเรื่องของราคาแล้วโทรศัพท์ พันกว่าบาท จะสามารถลง App อะไรต่างๆ ได้มากมายอย่างนั้นรึ ถ้าจะลง App ต่างๆ ได้มากมายคงต้องราคาหลายพันเลย อีกอย่างคือ ดูเหมือนจะเอาไว้เล่นเกม กับดู Youtube มากกว่า

เลยแนะนำคุณเพื่อนไปว่า ให้ไปคุยกับลูกว่า ไม่ใช่ว่าจะไม่ซื้อให้ แต่ว่าเอาไว้โตกว่านี้ก่อน รู้จักรับผิดชอบสิ่งของต่างๆ ก่อนนะแล้วจะซื้อให้ อายุแบบนี้ต้องออกไปเล่นกับดิน กับทราย ไม่ใช่จะอยู่แต่กับโทรศัพท์มือถือ  เอาไว้ขึ้นมัธยมก่อนแล้วจะพิจารณาให้อีกครั้ง ส่วนตอนประถมก็เอานาฬิกาแบบนี้ไปก่อน โทรศัพท์ ก็มาเล่นของพ่อตอนกลับมาจากโรงเรียนก็ได้


By: K.C.A.N