วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Engine overheat protection with alarm

อุปกรณ์ปกป้องเครื่องยนต์ร้อนจัดพร้อม
ระบบแจ้งเตือน และตัดการทำงานเครื่องยนต์
Engine overheat protection with alarm 

    ระบบที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องเครื่องยนต์จากภาวะความร้อนสูงจนทำให้เครื่องน๊อก (OVERHEAT) ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น กับเครื่องยนต์ของรถท่านล่ะก็ ท่านจะเสียเงินเยอะเลยทีเดียว ตั้งแต่วางเครื่องใหม่ ไสฝาสูบ ไสเสื้อสูบ และอื่นๆ ตามแต่ความหนัก เบา ของแต่ละอาการ 

    เช่นถ้าหากว่าเครื่องยนต์ OVERHEAT จนกระทั่ง SHAFT ละลาย ลูกสูบติด แล้วละก็ การวางเครื่องใหม่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่การวางเครื่องใหม่ ก็จะตามมาด้วยสารพัดปัญหาที่อาจคาดไม่ถึงได้ในอนาคต ยิ่งถ้าหากว่าเจออู่ที่ฝีมือไม่ถึงด้วย รับรองว่าปัญหาจุกจิกตามมาอีกเพียบแน่นอน



    แต่ที่แน่ๆ ถ้าหากว่าเครื่อง OVERHEAT แล้วละก็ส่วนมาก ฝาสูบจะโกงก่อนเลยครับ และถ้าหากว่าไม่ไปไสฝาสูบ เปลี่ยนประเก็นใหม่แล้วละก็ รถก็จะเริ่มกินน้ำเป็นอาหาร... คือวิ่งได้พักๆ น้ำในหม้อน้ำ/ถังพักน้ำ ก็จะหายไป ต้องคอยเติมตลอดเวลา เพราะน้ำเมื่อร้อน ก็จะระเหยกลายเป็นไอ และถ้าหากว่ามีช่อง มีรอยแยกตรงไหนของเครื่อง เจ้าไอน้ำก็จะออกมาได้ เป็นสาเหตุให้น้ำหายจากระบบได้นั่นเอง

    ดังนั้นการมีเครื่องป้องกันที่คอยเตือนเราว่า ตอนนี้เครื่องยนต์ของเรามีความร้อนสูงเกินไปแล้ว ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย ซึ่งส่วนมากในรถยนต์รจะมีเจ้าระบบนี้รวมมาให้อยู่แล้ว แต่ว่าส่วนใหญ่ก็แค่ไฟโชว์ ความร้อนสูงเกิน แต่ไม่มีเสียง นอกจากรถไฮเอ็นด์ หรือบางรุ่น ที่มีทั้งเสียงและแสงเตือน


    แต่ที่แน่ๆ รถฟอร์ลิฟท์ (Forklift) ส่วนมากจะมีแต่แสงเป็นรูปสัญลักษณ์เล็กๆ ซึ่งคนขับส่วนมากก็จะไม่ค่อยสนใจ ยิ่งถ้าคนขับ ไม่ใช่เจ้าของรถด้วยแล้วละก็ ยิ่งไม่สนใจใหญ่ ขอแค่ให้งานเขาเสร็จก็เพียงพอแล้ว ส่วนอุปกรณ์ หรือเครื่องมือที่ช่วยให้งานเสร็จ ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา...

    ดังนั้นเราจึงได้ออกแบบเจ้าอุปกรณ์ปกป้องเครื่องยนต์ร้อนจัดพร้อมระบบแจ้งเตือน และตัดการทำงานเครื่องยนต์อันนี้ขึ้นมาตามประสบการณ์จริง ที่ได้ประสบกันมา โดยตัวเซ็นเซอร์จะวัดตรงจากบริเวณฝาสูบเลย และอุณหภูมิของฝาสูบคั้งเอาไว้ที่ 100องศา เซลเซียส ซึ่งไม่ควรจะเกิน 


    ถ้าหากว่าอุณหภูมิเกินกว่า 100องศา เซลเซียส ระบบจะส่งเสียงร้อง พร้อมแสงไฟสีแดงด้านบนของกล่องจะกระพริบ 
และเครื่องยนต์จะดับลงโดยอัตโนมัติ คนขับจะไม่สามารถทำอะไรได้ นอกว่าจะรอให้อุณหภูมิของเครื่องต่ำลงกว่า 100องศาเท่านั้น ซึ่งถ้าอุณหภูมิเครื่องต่ำกว่า 100องศา ไฟและเสียงการแจ้งเตือนจะดับลง รถถึงจะสามารถสตาร์ทเครื่องได้ใหม่

    จำหน่ายพร้อมติดตั้ง สนใจสามารถติดต่อได้ที่ 

    คุณกิตติ        084 143-7045
    คุณทรงยศ    081 813-6724

By: KCAN

วิถีความสุข วิถีรถสาธารณะ รถประจำทาง รถเมล์

    เมื่อ 2 วันที่แล้วไดชาร์จของรถเสีย ทำให้ไม่สามารถชาร์จแบตฯ ได้ โดยเจ้าไฟเตือนรูปแบตฯ มันสว่างขึ้นตอนขับรถกลับบ้านจากที่ทำงาน โชคดีที่สามารถกลับมาถึงบ้านได้โดยที่รถไม่ดับกลางทาง แต่ว่ากลับมาถึงบ้านแล้ววัดไฟแบตฯ ก็เหลือแค่ 11.3 โวลท์เท่านั้น เรียกว่ารถเกือบจะดับแล้ว...


    ทำให้คิดว่าอีก 2 วันที่เหลือ ก่อนจะหยุดเสาร์ อาทิตย์ จะทำยังไงดี เพราะว่าวันที่เกิดเหตุ พึ่งจะวันพุธเอง ซึ่งพฤหัส กับศุกร์ ก็ยังจำเป็นต้องไปทำงาน... บ้านก็อยู่ตั้ง รังสิต-นครนายก และที่ทำงานอยู่ เชิงสะพานอรุญอัมรินทร์ แถว รพ. ศิริราช... @"_"@ ขนาดขับรถไปเองยังใช้เวลาอย่างน้อย 1.5-2ชั่วโมงเลย

    แต่ทุกปัญหาที่ผ่านเขามาในชีวิต ย่อมมีทางออกของมันเสมอ สิ่งแรกคือต้องมีสติก่อนโดยเริ่มหาข้อมูล รถสาธารณะจากแผนที่ Google กันก่อนเลยครับ ปรากฎว่าคำแนะนำคือ ให้นั่งรถเมล์สาย 538 ไปลงที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เกาะราชวิถี จากนั้นที่ เกาะราชวิถี ให้นั่งรถเมล์สาย 509 ซึ่งเป็นต้นสาย ไปลงที่ป้ายกองเรือเล็กของกองทัพเรือ ซึ่งห่างจากที่ทำงานเพียง 100เมตรเท่านั้น เป็นทางออกที่น่าจะดีที่สุด แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3ชั่งโมงครึ่ง... แต่ว่ายังไงก็ยังดีกว่าขอลางานไปซ่อมรถแหละครับ  


    เช้าวันพฤหัส ก็ออกจากบ้านประมาณ 05:50 ซึ่งก็เป็นเวลาปกติ ที่ขับรถมา เพียงแต่วันนี้ไม่ปกติ เพราะไม่มีรถ โดยไลน์บอกเพื่อนที่ทำงานเอาไว้ว่า วันนี้จะเข้าช้าหน่อย พอดีรถมีปัญหา และต้องนั่งรถประจำทางไปทำงาน จากนั้นก็มารอรถเมล์สาย 538ที่ ฝั่งตรงข้ามหมู่บ้าน ใช้เวลารอประมาณ 10นาที รถเมล์ก็มาถึง เรียกได้ว่าโชคดีมาก อาจเพราะว่ายังเช้าอยู่ ประกอบกับเป็นช่วงโรงเรียนปิดเทอม (หรือเปล่า) รถเมล์เลยค่อนข้างว่าง ยังมีที่ให้เราเลือกนั่งได้ แต่ส่วนมากก็จะอยู่ด้านหลัง ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาอะไร 


    สาย 538 วิ่งมาจากทางคลอง 6 (ราชมงคล) ตามถนนรังสิต-นครนายก ไปเลี้ยวเข้า ถนนวิภาวดี รังสิต ฝั่งขาออก ตรงฝั่งตรงข้ามห้างเมเจอร์ แล้วก็ไปวนกลับรถตรงสะพานกลับรถ โลตัส (รังสิต) ก่อนจะวิ่งบนทางคู่ขนาด วิภาวดี รังสิตยาวๆ ผ่านเซียร์ รังสิต สนามธูปะเตมีย์ กองทัพอากาศ ดอนเมือง หลักสี่ แล้วขึ้น โทวล์เวย์ที่หลักสี่ มาลงแถวแยกสุทธิสารเลย แล้วก็วิ่งเข้าดินแดง เลี้ยวขวา มาทางอนุสาวรีย์ชัยฯ โดยมาถึงประมาณ 7:10นาทีเท่านั้น แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเร็วขนาดนี้ ใช้เวลาไป 1ชั่วโมง กับ 10นาที


    แล้วก็มารอรถสาย 509 ที่เกาะราชวิถีสาย 509 ขนาดขึ้นต้นสายที่อนุสาวรีย์ฯ แต่ว่า ก็ไม่มีที่นั่งนะครับ เพราะคนเยอะมาก รอต่อคิวขึ้นรถอย่างเป็นระเบียบ (เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่มาต่อคิวขึ้นรถเมล์แบบนี้) สาย 509 จะวิ่งเข้าถนนราชวิถี ผ่าน รพ. เด็ก แล้วมาเลี้ยวซ้ายแยกตึกชัยฯ ผ่าน รพ.รามา แล้วก็ไปเลี้ยวขวาเข้า ถนนศรีอยุธยา ยมราช ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ ราชดำเนินนอก อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานพระปิ่นเกล้า แล้วก็ถึงจุดหมาย ประมาณ 8:20นาที ก็ไม่แย่นะครับ เวลาเข้างาน 8:30 เรียกว่ามาทันเวลาด้วย


    รวมๆ แล้วใช้เวลาไปเพียง 2ชั่วโมงครึ่งได้ ค่ารถเมล์ ก็คือ 27 + 17 = 44บาท ขากลับอีก 44บาท เรียกว่าน่าจะถูกกว่าขับรถมาเองได้อยู่นะ แถมได้ขึ้นโทวล์เวย์ด้วย ถ้าเป็นรถส่วนตัว เฉพาะแค่ค่าโทวล์เวย์ ก็ 115บาท ต่อเที่ยวแล้ว ดังนั้นการนั่งรถประจำทางก็มีส่วนดีอยู่เหมือนกัน  ง่วงก็สามารถหลับได้ (ถ้าหากว่าได้ที่นั่งนะครับ) มีผู้คนให้ได้นั่งมอง ยืนมอง ก็มีความสุขไปอีกแบบนึง

    สรุปว่าใช้รถประจำทางอยู่ 2วันแล้ว เหมือนชีวิตมีความสุขขึ้นเยอะ แต่ยังไงๆ ก็ต้องเอารถไปซ่อม เพราะว่ามีภารกิจรับลูกสาวกลับบ้านด้วย เพราะเขาทำงานอยู่บริเวณทางผ่านจากที่ทำงานผมกลับบ้านพอดี เวลาที่รถคุณพ่อเสีย คนที่เดือดร้อนก็เลยกลับกลายเป็นลูกสาว และก็คุณภรรยาซึ่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ ในเรื่องนี้เลย เพราะว่าเขามีรถตู่รับ-ส่ง จากโรงงานมาแถวบ้านทุกวันอยู่แล้ว แต่เพราะว่าเข้าข้างลูก กลัวลูกลำบาก เลยเข้ากันเป็น ปี่ ขลุ่ย บังคับให้เอารถไปซ่อม...


    เมื่อรถซ่อมเสร็จ ทุกอย่างก็กลับมาเป็นวิถีปกติ แต่ก็ขอบคุณเจ้ารถที่เสีย ทำให้ได้มีประสบการณ์และความทรงจำดีๆ ตลอด 2วันที่ผ่านมา และทำให้ได้รำลึกถึงความหลัง ครั้งเมื่อก่อนที่จะมีรถส่วนตัวด้วย...

By : KCAN