สวัสดีเช้าวันที่ 2 ของ ทริปสังขละบุรี
เช้าวันที่ 2 กิจกรรมแรกก็คือเดินออกกำลังกายระแวกที่พักก่อนเลยครับ เพื่อเก็บก้าวเดินให้ได้ซัก 5,000ก้าวก่อน ซึ่งก็แน่นอนว่านอกจากออกกำลังกายแล้วยังเดินถ่ายรูปเล่นตอนเช้าด้วย เก็บภาพบรรยากาศเมืองสังขละบุรี
ทีพักของเราพอดีอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดวิเวกวังการาม ซึ่งมีพระองค์ใหญ่ตั้งอยู่ โดยมีทะเลสาปกั้นอยู่ ซึ่งผมเองก็พึ่งจะรู้ว่าเข้าเรียกกันว่าฝั่งไทย ส่วนฝั่งวัดวิเวกวังการามเขาเรียกกันว่าฝั่งมอญ โดยเชื่อมกันด้วยสะพานมอญ
วันนี้เราออกจากที่พักประมาณ 10โมงเช้า หลังจากที่กินข้าวเช้าอีกชื่อหนึ่งก็คือที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว และอาบน้ำแต่งตัวกันพร้อมลุยต่อในวันที่ 2
โดยจุดหมายแรกของการท่องเที่ยวก็หนีไม่พ้นวัด ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นวัดวิเวกวังการามของหลวงพ่ออุตมะ แห่งสังขละบุรี ซึ่งได้ยินชื่อเสียงเรียงนานมานานมาก เพราะเป็นที่นับถือของคนสังขละบุรี และคนระแวกนั้น รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านเองก็นับถือหลวงพ่อท่านมากเช่นกัน
วัดวิเวกวังการามเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างวัดไทย และวัดทางเมียนมา ดูสวยแปลกตาแต่ว่าสวยไปอีกแบบนึงเลย สงบ ร่มรื่น หลังจากไหว้พระกันเสร็จก็เดินดูรูปประวัติของวัดตามทางเดิน ซึ่งมีช่างภาพมืออาชีพมาถ่ายรูปและเอามาแขวนแสดงเอาไว้ตามทางเดินเยอะมาก เรียกว่าแต่ละภาพสวยๆ ทั้งนั้น มีทั้งภาพวิถีชีวิตชาวบ้าน ภาพประวัติของวัด ของสะพานมอญ และอิ่นๆ เยอะมาก ดูกันเพลินๆ เลยทีเดียว
จากวัดวิเวกวังการามเราก็ไปต่อกันที่เจดีย์พุทธคยา (จำลอง) แห่งสังขละบุรี โดยเรื่องของเรื่องคือว่าลูกสาวบอกกับเพื่อนๆ ที่ทำงานว่าจะมาเที่ยวที่สังขละบุรี เพื่อนๆ เลยฝากซื้อทานาคากัน ซึ่งเจ้าลูกสาวก็ไปเดินถามในตลาดตอนกลางคืนมาแล้ว แต่ว่าร้านที่ขายเขาปิดแล้ว ซึ่งคนที่ลูกสาวไปถามก็บอกว่ามีที่ขายอยู่ที่เจดีย์แห่งนี้อีกที่นึง ซึ่งลูกสาวก็เลยอยากมาเพื่อหาซื้อของฝาก และของที่ถูกฝากให้ซื้อด้วย ซึ่งบริเวณที่จอดรถก็จะมีร้านค้าของคนพื้นเมือง ทั้งไทย ทั้งมอญมาเปิดร้านของของฝาก ของที่ระลึกกันเยอะเลย และหนึ่งในนั้นก็คือเจ้า ทานาคานี่แหละครับ มีทั้งแบบที่ยังไม่บด เป็นแท่งไม้เลยไปจนแบบผสมเสร็จเป็นครีม เป็นโลชั่น และอื่นๆ อีกมากมายหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งเจ้าลูกสาวก็ต้องไลน์ไปถามเพื่อนที่ฝากซื้อว่าจะเอาแบบไหน เพราะเยอะจริงๆ โดยใช้เวลาในการกาซื้อของฝากของลูกสาวก็กว่า 30นาที ก่อนที่เดินขึ้นไปเยี่ยมชมบนตัวเจดีย์ ซึ่งบนตัวเจดีย์ก็จะมีบันไดเล็กๆ สามารถเดินขึ้นไปข้างบนขององค์เจดีย์ได้
จากนั้นก็ไปต่อที่สะพานมอญ หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่มีความยาวเป็นอันดับสองของโลกมนุษย์ใบนี้เลยทีเดียว โดยมีความยาวถึง 850เมตร โชคดีจังที่มีอะไรที่เป็นระดับโลกอยู่ในประเทศเรา โดยสร้างเพื่อให้คนที่มีจิตศรัทธาสามารถเดินข้ามไปยังวัดของหลวงพ่ออุตตมะได้ในตอนที่มีการสร้างเขื่อนใหม่ๆ และมีน้ำท่วมขึ้น ซึ่งก็จะมีเด็กชาวมอญมาเล่าประวัติของสะพานให้ฟัง และยังมีการเทินหม้ออยูบนหัวกันอยู่ด้วย
เมื่อเที่ยวในเมืองจนครบแล้ว ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวนอกเมืองกันบ้าง โดยซึ่งนั่นก็คือชายเฃแดนระหว่างไทยกับเมียนม่า หรือด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ควรจะต้องไปเช็คอิน ไหนๆ ก็เดินทางมาไกลกว่า 300กิโลเมตรแล้ว
แต่ด้วยการเมืองภายในของประเทศเพื่อนบ้านทำให้ไม่สามารถที่จะเดินทางเข้าไปในประเทศของเขาได้ เพราะยังไม่สงบจากสงคราม เลยทำได้แค่เดินเล่นในตลาดฝั่งบ้านเราเท่านั้น แต่ก็จะมีคนขายของที่นำสินค้าจากประเทศเมียนม่า และประเทศจีนเข้ามาจำหน่ายจำนวนมาก โดยส่วนมากจะเป็นขนมต่างๆ บุหรี และเหล้า นอกนั้นก็จะมีของกินพื้นเมืองทางฝั่งเมียนม่าบ้าง หลังจากที่เดินในตลาดเพื่อซื้อของฝากเพือนๆ ที่ทำงานกันจนครบทุกคนแล้ว
ก็ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว โดยจุดหมายวันนี้อยู่ที่อำเภอไทรโยค เป็นห้องพักที่อยู่ติดกับ แม่น้ำแคว ซึ่งคุณลูกสาวได้จองเอาไว้ ก็ใช้เวลาในการเดินทางอีก 2ชั่วโมงเศษๆ จากด่านเจดีย์สามองค์



























ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น