สี่วันกับชีวิตกลางเมืองหลวง
---------------------------------------------------- +++++++++++++ -------------------------------------------------
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จำเป็นต้องเข้าไปทำงานที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์เพื่อออกบูธแสดงสินค้า โดยวันแรกเป็นการไปจัดบูธ ซึ่งก็จะต้องนำรถส่วนตัวไป จัดบูธในช่วงบ่ายสองโมง และเสร็จประมาณ 4โมงกว่าๆ โดยทางศูนย์ประชุมฯ เข้าให้จอดรถที่ลานจอดขนสินค้า เพื่อขนสินค้าลงได้ไม่เกินคันละ 45นาที จากนั้นก็จ้องรีบนำรถออกไปจอดที่ชั้น B1 ที่เป็นลานจอดรถชั้นใต้ดินของศูนย์ประชุมฯ โดยสามารถจอดได้ฟรี 2ชั่วโมงแรก และเริ่มคิดค่าจอดในชั่วโมงที่ 3 ชั่วโมงละ 30บาท... ซึ่งในวันแรกนี้เราไม่เสียค่าที่จอดรถแต่อย่างไร
แต่ก็ได้ลองสอบถามกับ จนท. ที่ลานจอดรถแล้ว ว่าถ้าจอดทั้งวันแบบว่ามาร่วมออกบูธ จะต้องเสียเท่าไหร่ จนท. ก็ใจดี ได้คำนวณว่าปกติเขาก็จะเสียกันอยู่ที่ 240 - 300บาทต่อวัน (10-12ชั่วโมง) เพราะ 2 ชั่วโมงแรกจอดฟรี แต่ก็สามารถซื้อของในศูนย์ประชุมฯ เพื่อลดราคาที่จอดรถได้อยู่
แต่ปัญหาหลักคือ รถอย่างติดกว่าจะผ่านแยกสุขุมวิท ก็ 5โมงเย็น และกว่าจะผ่านอโศกมนตรี แยกเพรชบุรีตัดใหม่ เพื่อมาเลี้ยวซ้ายไปดินแดง ก็เกือบหกโมง กว่าจะถึงบ้าน ก็สองทุ่มนิดๆ พอกลับถึงบ้านแทบหมดแรง 3ชั่วโมงกว่าๆ กับการขับรถจากศูนย์ประชุมฯ มาบ้านแถวๆ คลองสี่รังสิต นครนายก... แถมค่าจอดรถในศูนย์ประชุมก็อย่างแพง เพราะว่าต้องจอดทั้งวัน...
เลยคิดว่าต้องเปลี่ยนแผนมาใช้รถสาธารณะแทน โดยคิดเอาไว้ว่าจะนำรถมาจอดทิ้งเอาไว้ที่ อาคารจอดแล้วจร ของสถานีคูคต จากนั้นก็ต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงคูคต มาห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเห็นบอกว่ายังให้บริการฟรีอยู่ แล้วก็เดินประมาณ 1กม. ไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ราคาก็ 36บาท จากสถานีพหลโยธืน ไปศูนยฺประชุมฯ
อัตราค่าจอดรถสำหรับอาคารจอดแล้วจร ก็อยู่ที่ 2ชัวโมง 10บาท แต่เขาจะปัดเศษขึ้นนะครับ เช่นจอด 12ชั่วโมง กับ 1นาที ก็จะถูกปัดขึ้นเป็น 14ชั่วโมง หรือ 70บาทนั่นเอง โดยเริ่มคิดทันทีที่รับบัตรเข้าจอด แต่ว่า บวก ลบ คูณ หาร ดูแล้ว ยังไงๆ ก็คุ้มกว่าขับรถไปจอดที่ศูนย์ประชุมอย่างแน่นอน ที่สำคัญที่สุดคือไม่ต้องเสียสุขภาพจิตกับเรื่องรถติด
แล้ววันแรกของการเดินทางแบบใหม่ ก็เริ่มต้นขึ้น โดยได้ขับรถออกจากบ้านประมาณ 6:30 ตอนเช้าไปจอดที่อาคารจอดรถประมาณ 7โมงเช้านิดๆ ขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว คูคต - ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งยังให้บริการฟรีอยู่ จะมี จนท. มาแจกบัตรโดยสารให้ โดยใช้เวลาประมาณ 30นาทีนิดๆ จากนั้นก็เดินออกกำลังกายยามเช้า เพื่อที่จะไปต่อ รถไฟฟ้า MRT อีกประมาณ 1กม. น่าจะได้นะครับ ซึ่งก็จะมีของกินขาย เราก็ต้องหยุดหาอะไรใส่ท้องกันก่อน ที่จะเดินไปขึ้น MRT ซึ่งก็จะใช้เวลาอีก ประมาณ 30นาที ก็จะถึงศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ ก็จะถึงประมาณ 8:30-8:45 ไม่เกิน 9โมงเช้า
ส่วนขากลับ งานเลิก 18:00 แต่กว่าจะเก็บของโน่นนี่นั้นเสร็จ ก็ประมาณ 18:30 ก็เดินออกมาขึ้น MRT และกว่าจะกลับมาถึงที่สถานีคูคตก็ทุ่มกว่าๆ เกือบ 2ทุ่ม และอีกเรื่องที่สำคัญคือต้องนำบัตรจอดรถไป แสตมป์ที่เครื่องหน้าตาแบบนี้ก่อนที่จะออกจากสถานีรถไฟด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นอัตราค่าจอดรถจะแพงขึ้น 1เท่าตัว เพราะถือว่าไม่ได้มาใช้บริการรถไฟฟ้า แต่นำรถมาจอด
จากนั้นก็ขับรถกลับบ้าน ถึงบ้านก็ 2ทุ่มกว่าๆ แป๊บเดียว 4ทุ่มครึ่ง ได้เวลานอน เพื่อตื่นมาผจญภัยต่อในวันรุ่งขึ้น เรียกได้ว่าแทบไม่เหลือเวลาให้ทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย ทั้งออกกำลังกาย หรือคุยกับคนในบ้าน เลยรู้สึกว่าใช้ชีวิตแบบนี้เป็นแบบที่คนเราอยากได้จริงๆ หรือ นี่ขนาดลองใช้แค่ 3วัน แล้วคนที่ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่แบบทุกวันเป็นเดือน เป็นปี ก็อยากบอกว่าเขาน่าสงสารมากๆ ค่าครองชีพสูงมาก ลองคำนวณดูแล้ว เฉพาะค่ารถไฟฟ้าไปกลับก้ 72บาท (36+36) ค่าจอดรถอีก 70บาท รวม 142บาท นี่ขนาดรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงต่อขยายยังไม่เก็บเงินค่าบริการนะครับ ถ้าหากว่าเก็บที่ 36บาทแล้วละก็ จะกลายเป็น 72+72+70บาท = 214บาทต่อวัน ซึ่งยังไม่รวมค่าข้าว ค่าน้ำ ค่ากาแฟ ค่าโน่น ค่านี่อีก ค่าแรงขั้นต่ำของ กทม. อยู่ที่ 353บาท ก็ลองคิดกันดูเอาเองว่าจะดำเนินชีวิตกันอย่างไร ยิ่งถ้าต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และถ้ามีลูกต้องเลี้ยงดู มีพ่อแม่ต้องเลี้ยงดู มันจะไปเหลืออะไร ก็คงต้องฝากภาครัฐ เก็บเอาไปคิดกันหลายๆ รอบหน่อย ว่าจะช่วยเหลือประชาชนกันอย่างไร ?
By: KCAN