วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2567

ทรงวาด ถนนในตำนาน (2024 01 02)

วันนี้ไปเที่ยวกันมั๊ย... 


เมื่อคุณแม่ คุณลูก หยุดปีใหม่อยู่บ้านมาหลายวัน  และก็ดูคลิปใน Internet ต่างๆ กันเยอะ โดยเฉพาะหาที่เที่ยว จากนั้นก็นั่งซุบซิบกัน 2คน  แล้วก็หันมามองหน้าผม ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วย จากนั้นลูกสาวก็บอกว่า วันนี้ไปเที่ยวกันมั๊ย... 
 


ติดในใจ ทำไมเวลาซื้อหวย ซื้อล๊อตเตอรี่ไม่เคยถูก แต่ทำไมแบบนี้ถึงได้ทายถูกก็ไม่รู้  ก็คงต้องถามในฐานะพ่อที่ดีของลูกอ่ะนะว่า " อยากจะไปเที่ยวไหนกันล่ะ..." ลูกสาวก็ตอบทันทีว่า ก็ต้องไปเที่ยวกรุงเทพฯ ซิป๊า เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาทองที่เราจะได้เที่ยวกรุงเทพฯ แบบรถไม่ติด 



อืม... ฟังแล้วคล้อยตามอย่างมีเหตุผล ฮ่าๆๆๆ ตรงไหนของกรุงเทพฯ ล่ะ  ลูกสาวบอกทันทีว่าก็ต้องเป็นกรุงเทพฯ ชั้นในซิ แจนคุยกับแม่แล้ว อยากไปเดินถนนทรงวาด แล้วก็สำเพ็งด้วย เห็นแม่บอกว่าเป็นถิ่นเก่าของป๊าด้วย พาไปหน่อยซิ... 



จุดจบของเรื่องก็คือต้องพาไปอ่ะนะครับ แต่ปัญหาที่เคยประสบเรื่องหนึ่งคือ ที่จอดรถที่ถนนทรงวาดนี่แหละ ไม่รู้จะไปจอดตรงไหน เพราะสมัยที่เป็นเด็ก มันยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง คือใช้รถสาธารณะ และก็เดินอย่างเดียว 



ที่นึกออกก็จะมีมี่หน้าโรงเรียนเผยอิง ที่เป็นศาลเจ้า จะมีที่จอดรถอยู่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเต็มหรือเปล่า เพราะว่าวันนี้ข้าราชกาลเขาทำงานกันแล้ว นั่นก็โรงเรียนก็น่าจะเปิดแล้วเหมือนกัน ซึ่งเฉพาะรถของคุณครูที่มาสอนที่โรงเรียนก็น่าจะไม่มีที่เหลือแล้ว


แล้วก็คิดออกว่าเราควรจะขับรถไปจอดแถวๆ ท่าดินแดงจะดีกว่า ข้ามไปจอดฝั่งธนฯ เลย แล้วก็ข้ามเรือที่ท่าดินแดง มายังท่าราชวงศ์ แล้วก็เดินๆ ไปถนนทรงวาด เหมือนตอนสมัยเด็ก ว่าแล้วก็แว๊ปมาถึงท่าดินแดงกัน มีที่จอดรถเอกชนให้ฝากรถอยู่ 1ชม 40บาท, 3ชม ขึ้นไปก็ราคา 120บาทจอดยาวๆ ได้ ก็ถือว่าแพงเหมือนกัน


แต่ไม่เป็นไร ไม่ได้จอดทุกวัน เรามาเที่ยว หลังจากที่เดินบนถนนทรงวาดกันแล้ว ก็ต้องหากาแฟดื่ม ซึ่งลูกสาวก็หาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องบอกว่าเป็นร้านกาแฟที่แพงเอาเรื่องเลยทีเดียว อยู่บนชั้น 4ของตัวอาคารเก่า  เยื้องๆ กับ รร. เผยอิงเลย จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาตามรูป เรียกว่าเขาน่าจะขายวิวให้นักท่องเที่ยวมากกว่า เพราะว่าคนไทยน้อยมาก น่าจะมีไม่เกิน 3โต๊ะ ที่เหลือก็จะเป็นคนจีนเสียเป็นส่วนใหญ่


จากถนนทรงวาด ก็เดินย้อมกับไปที่ซอยคิคูย่า เพื่อช๊อปปิ้ง และเดินทะลุไปยังสำเพ็ง สะพานหัน ไปดูผลงานของลุงตู่หน่อย เห็นแกโปรโมทมากว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของแก ซึ่งอย่างว่ามากับผู้หญิง 2คน ก็เรียกว่า เดินๆ หยุดๆ ตลอดทาง กว่าจะถึงสะพานหัน ใช้เวลาไปเกือบ 1ชม. ได้กางเกงช้างมา 3ตัว กระเป๋าสตางค์ใบเล็กๆ เป็นของขวัญปีใหม่ให้ลูกน้องของคุณภรรยาอีก 20ใบ และกระบอกน้ำร้อนของคุณภรรยาอีก 1ใบ


จากนั้นก็ไปนั่งกินข้าวเที่ยงตอนบ่ายสองโมงกันที่สะพานหัน เรียกว่าแว๊ปแรกที่เห็น ก็ต้องบอกเลยว่าเปลี่ยนไปเยอะจริง ไม่เหมือนเมื่อตอนผมเป็นเด็กเลย น้ำใส ไม่มีกลิ่นเหม็น สองข้างคลองเป็นทางเดิน และร้านอาหาร ดูสะอาด และดูเหมือนต่างประเทศเลย อันนี้ต้องชมลุงตู่จากใจจริงเลย  
ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีร้านเปิด เพราะยังเป็นช่วงปีใหม่ แต่ที่ไหนได้ เปิดกันแทบทุกร้านเลย โดยเฉพาะไอติมถั่วตัดกับผักชี ชื่อดัง แต่ผมไม่รู้จักนะครับ ฮ่าๆๆๆ พึ่งจะรู่จักก็วันนั้นแหละจากคุณภรรยา



ซึ่งคุณภรรยาผม เขาเป็นติ่งซีรีย์เกาหลี บอกว่ายังไงๆ ก็ห้ามพลาด เรียกว่าเป็นจุดประสงค์หลักเลยที่อยากมาสะพานหัน ก็เพื่อเหตุผลนี้ ตามรอยซีรีย์เกาหลีในเมืองไทย... Soft Power จริงๆ เมื่ออิ่มหน๋ำสำราญกันแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว ก็ยังคงใช้วิธีการเดิน เพื่อย่อยอาหารไปด้วย มาข้ามเรือกลับ ไปเอารถ แล้วก็ขับรถกลับบ้าน 

เป็นอีกหนึ่งทริป ที่ผมสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเอง เล่าให้กับลูกสาวฟังได้ เรียกว่าลูกสาวบอกว่าเป็นไกด์ของถนนทรงวาดได้เลย ฮ่าๆๆ... เพราะเคยใช้ชีวิตอยู่บนถนนเส้นนี้นานกว่า 7ปีทีเดียว 

ความทรงจำเก่าๆ กับห้วงกาลเวลา ของศิษฐ์เก่าโรงเรียนเผยอิง




ไม่มีความคิดเห็น: