วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2563
พยานรัก ณ กาญจนบุรี
วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
ภาษีกู
ช่วงนี้ได้ยิน ได้เห็นคำนี้บ่อยจนทำให้คิดว่า ถ้าหากว่าเราสามารถที่จะเลือกได้ว่าเราอยากให้เงินภาษีของเราไปลงที่กระทรวงไหน ทบวงไหน กรมไหน กองไหน หน่วยงานไหน ได้ด้วยตัวเราเองก็คงจะดี ตัดพ่อค้าคนกลางออกไป นั่นก็คือรัฐบาลที่บริหารเงินภาษีของเรา... จะได้ไม่ต้องเสียค่าบริหารจำนวนมากมายให้เขา และเอาเงินของเราไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ด้วย
ความจริงแล้วด้วยเทคโนโลยี่การเงินแบบปัจจุบัน ผมคิดว่าน่าจะทำได้ไม่ยาก เวลาที่เรายื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็มีรายการขึ้นมาให้เราเลือกได้เลยว่าเราอยากให้ภาษีของเราไปที่ไหน สามารถเลือกได้แบบไม่จำกัด แล้วก็เอาเงินภาษีของเราไปหารเท่ากับจำนวนหน่วยงานที่เราได้เลือกเอาไว้และก็สั่งจ่ายไปให้ทุกๆ หน่วยงานที่เราเลือกแบบเท่าๆ กัน แค่นี้เราก็สามารถบริหารเงินภาษีที่เราต้องจ่าย ตรงให้กับหน่วยงานที่เราอยากจะให้ อยากจะให้เขาพัฒนา อย่างที่เราต้องการได้ หน่วยงานไหนทำดีกับเรา บริการเราดี เห็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เราก็มอบเงินภาษีเราให้กับเขา หน่วยงานไหนบริการไม่ดี ไม่เห็นหัวเรา ไม่มีการพัฒนาใดๆ เราก็ไม่ให้ภาษีของเรากับหน่วยงานนั้น เพียงเท่านี้ รับรองว่าทุกหน่วยงานจะมีการพัฒนาและปรับตัวอย่างแน่นอน เพื่อหวังว่าเขาจะได้รับเงินภาษีจากเราในปีถัดไป ซึ่งภาษีของเราต้องจ่ายทุกปี ปีนี้เขาบริการเราดี เราก็ให้ภาษีเรากับเขา ปีหน้าบริการเราไม่ดี เราก็ไม่ให้ภาษีเรากับเขา เรียกว่าตัดสินกันปีต่อปีเลย ดีกว่าจ้างคนเข้ามาบริหารทีละ 4-5ปี เปลี่ยนก็ไม่ได้ ไม่ถูกใจก็ต้องทนรอ4-5ปี บางครั้งก็ออกกฎหมายมาให้ตัวเองอยู่ยาวๆ อีกต่างหาก...
แต่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะคนที่เราจ้างเขาเข้ามาบริหารนั้นก็ยังคงต้องจ้างต่อไป แต่ว่าลดจำนวนลง เพราะมีภาษีแบบอื่นๆ ที่ยังต้องให้เขาเข้ามาบริหารอยู่ เช่นภาษี VAT. และภาษีอื่นๆ เพื่อเอาไว้จ่ายให้กับหน่วยงานที่ไม่มีคนบริจาคภาษีให้ หรือบริจาคให้น้อย ไม่เพียงพอต่อการจ่ายเงินเดือนพนักงานในหน่วยงานนั้น ซึ่งหน่วยงานนั้นก็คงจะต้องพิจารณาตัวเอง และปรับปรุงพัฒนาเพื่อให้ประชาชนจ่ายเงินภาษีให้เขามากขึ้นในปีต่อๆ ไป
เพียงเท่านี้เราก็จะบริหารเงินภาษีของเราได้ด้วยตัวเราเอง ไม่ต้องให้ใครมาบริหาร ไม่ต้องมาขัดแย้งกันเพราะเงินภาษีของเรา...
ขอฝากกรมสรรพากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเอาไว้พิจารณาและพัฒนาระบบภาษีแบบจ่ายตรง เพื่อให้ประเทศพัฒนาไปในทิศทางที่ประชาชนอยากเห็นได้ดีกว่าทุกวันนี้...
By: K.C.A.N
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2563
Patttaya 2020 with Family
แล้วเราก็ขอให้แม่เราออกจากบ้านไปเที่ยวจนได้ วันหยุดทั้งทีจะให้นั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้านอย่างเดียวคงจะดูน่าเบื่อเกินไป เพราะว่าแกก็อยู่บ้านสัปดาห์ละ 7วันแล้ว นานๆ ทีจะได้ไปนอนค้างคืนที่อื่นบ้าง
ผมเองก็เข้าใจแม่ผมนะครับ เพราะว่าแกเดินเหินลำบาก เลยไม่อยากจะเป็นภาระให้ลูกหลาน แต่ว่าเราก็อยากจะให้แกออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าง เมื่อความคิดไม่ตรงกันก็ต้องมีการหลอกกันบ้าง 555
เมื่อวันที่ 23/10 เราก็วางแผนกันเอาไว้แล้วว่าจะไปนอนที่อื่นพอดีภรรยาผมเขาได้ที่พักราคาถูกมาพอดี เป็นโรงแรมที่สร้างเสร็จแล้วประมาณ 90% และกำลังอยู่ในช่วงโปรโมทอยากให้คนเขารู้จักอยู่ อยู่ที่หาดจอมเทียน ซอยจอมเทียน 14/1 ชื่อว่าโรงแรม HOITAK ซึ่งราคาห้องพัก ลดกว่า 60% จากห้องชุดราคา 2,200บาท เหลือ 800บาท และห้องธรรมดาราคา 1,500บาท เหลือ 500บาท คุณภรรยาก็เลยจัดมา 2ห้องรวมแล้ว 1,300บาท เรื่องหาของถูกไว้ใจภรรยาผมได้ครับ 555
เราเดินทางไปถึงที่พักก็บ่ายแก่ๆ ของวันศุกร์ น่าจะบ่าย 2-3โมง จากนั้นพักผ่อนกันเล็กๆ น้อยๆ ถ่ายรูปเล่นในที่พักแล้ว ก็ได้เวลาลงมาซื้ออาหารเย็นกันครับ ก็ต้องเป็นอาหารทะเล ทั้งปลาหมึกย่าง หอยแครงเผา ปูนึ่ง และต้มยำทะเล โดยมีภรรยา และลูกสาวคนโต เป็นคนจัดการเรื่องอาหาร ส่วนผมก็มีหน้าที่ถือของ ส่วนลูกสาวคนเล็กก็เฝ้าอาม่า กับอาโกวอยู่ที่ห้อง
ในระหว่างรอของมาถือ ก็หามุมถ่ายรูปสวยๆ เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกซักหน่อย ไม่ได้มาพัทยานาน หลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไป ที่วันที่ไปคนก็เยอะอยู่นะครับ รถจอดเติมชายหาด รวมถึงคนต่างชาติเองก็มีไม่น้อย ไม่รู้ว่าเขามาประกอบกิจการในเมืองไทย แล้วติดสถานะการณ์โควิดเลยกลับไม่ได้หรือว่าอะไร
แล้วก็ได้เวลาอาหารเย็นที่ได้อยู่กันพร้อมหน้า พร้อมตา จากนั้นก็เดินเทียวชายหาดยามเย็นและก็หาเครื่องดื่มมาดื่มกันบนดาดฟ้าของโรงแรม ที่เป็นทั้งสระว่ายน้ำ และที่นั่งดื่มกิน โดยได้วางแผนว่าจะพาอาม่ากับอาโกวลี่ขึ้นมาข้างบนนี้ตอนเช้า
แต่จะพาขึ้นมายังไงเพราะว่าลิฟท์ขึ้นมาได้สูงสุดแค่ชั้น 8 และจะต้องเดินขึ้นมาอีก 1ชั้น ไม่รู้ว่าอาม่าจะไหวหรือเปล่า แต่ผมก็ยังคิดว่าแกยังน่าจะเดินขึ้นมาได้อยู่อาจจะต้องช่วยกันประคองบ้างนิดหน่อย จากนั้นก็แยกย้ายกันเข้านอน
24/10 เช้า ก็ต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้ แต่ว่าเจ้าลูกสาวทั้งสองคน ไม่ยอมตื่นอ่ะซิ ไม่รู้จะทำยังไงเลย ภรรยาผมก็บอกว่าให้ผมพาแม่ขึ้นไปเดินเล่นข้างบน แล้วแกจะออกไปหาอาหารเช้ามาให้ เลยต้องให้เจ้าน้องสาวผมช่วยกันพาขึ้นไปบนดาดฟ้า
วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2563
สุดแผ่นดินตะวันออก @ตราด
ป้ายสุดแผ่นดินภาคตะวันออก อีกหนึ่งป้ายเขตแดนที่ได้มาถึง ป้ายแห่งนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอแหลมงอบจังหวัดตราด จุดแวะถ่ายภาพและเป็นท่าเรื่อที่จะข้ามไปที่แกะช้าง
พอดีได้รับมอบหมายให้มาปฎิบัติภาระกิจที่โรงพยาบาลแหลมงอบ แต่ว่ามาเช้าเกินไปหน่อย เจ้าหน้าที่เขายังมาไม่ถึงกัน เลยได้แวะออกมาหาข้าวกิน และเลยแวะสูดอากาศริมทะเลยามเช้าซักหน่อย
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563
พาหลานตะลุยนครนายก
เมื่อน้องชายพาลูกสาวมาสวัสดีปีใหม่อาม่าถึงบ้าน หลังจากที่นั่งกินอะไรกันเสร็จแล้ว คืนนั้นน้องชายก็นอนค้างที่บ้าน ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นก็สอบถามหลานว่าอยากจะไปเที่ยวไหน เดี๋ยวจะพาไป เพราะเห็นหลานนั่งเล่นแต่โทรศัพท์แทบทั้งวัน หลานก็คิดอยู่แป๊บนึง ก็บอกว่าอยากไปเที่ยวน้ำตก น้องชายก็บอกว่าแถวนี้มีน้ำตกที่ไหน
ละ ไปเที่ยวห้างยังจะดีกว่า ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรถ้าอยากไปก็ได้ นครนายกก็มีแล้วน้ำตก ไม่ไกลมากเลยบอกว่าให้อาบน้ำเตรียมตัวไปเที่ยวน้ำตกกัน จากนั้นก็ออกเดินทางจากบ้านมายังจังหวัดนครนายก โดยจุดหมายปลายทางคือ น้ำตกนางรอง เพราะกลัวว่าเข้าไปที่น้ำตกสาริกาแล้วจะไม่มีน้ำ แต่ว่าน้ำตกนางรองมีน้ำแน่นอนแค่จะมากหรือจะน้อยเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ผิดหวังที่เลือกที่จะมาที่น้ำตกนางรอง
ส่วนผู้ใหญ่ก็เดินกันไม่ค่อยจะไหว ก็นั่งรอให้เด็กๆ เดินเล่นกัน ก็บอกให้ช่วยกันระวัง เรื่องตกน้ำ ตกท่า สอบถามเจ้าหลานสาวว่าไหว้น้ำเป็นหรือเปล่า ก็บอกว่าไหว้ไม่เป็นเลยต้องฝากลูกสาวให้ดูแลน้องด้วย
วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2563
น้ำตกมวกเหล็ก น้ำตกใกล้กรุงเทพฯ
น้ำตกมวกเหล็ก หรือน้ำตกหมวกเหล็ก เป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มาก และอยู่ห่างจากถนนมิตรภาพ เพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น โดยตั้งอยู่ในสวนรุกขชาติมวกเหล็ก ซึ่งสวนรุกชาติมวกเหล็กแห่งนี้กินพื้นที่กว่า 300ไร่ กินพื้นที่ 2อำเภอ คืออำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
พิกัด GPS ของสวนรุกขชาติมวกเหล็ก @14.6434741,101.2020718 ซึ่งภายในสวนรุกขชาติจะเงียบสงบ และร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ ซึ่งที่สวนรุกขชาติแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ยืนต้นที่สำคัญๆ ของประเทศไทย ทั้งพรรณไม้ที่มีความสำตัญทางเศรษฐกิจ และความสำคัญในด้านต่างๆ ให้ได้ศึกษาหาความรู้กัน
ช่วงเดือนกันยายน และตุลาคม จะเป็นช่วงที่มีน้ำเยอะ น้ำตกจะสวนเหมือนอย่างในรูป เสียงน้ำดังมาก ภายในสวนรุกขชาติ มีสะพานแขวนอยู่ 2แห่ง ซึ่งมีถนนสามารถเดินออกกำลังกายหรือปั่นจักรยานวนได้ทั้ง 2สะพาน โดยคลองที่มีน้ำตกมวกเหล็กนี้เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่าง 2จังหวัดด้วย
By: K.C.A.N
วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2563
ที่นี่ประเทศไทย #วัดโฝวกวงซัน
เมื่อ 2อาทิตย์ที่แล้วมีเพื่อนในไลน์ ส่งรูปมาให้ดูตอนแรกคิดว่าไปเที่ยวประเทศจีนมาซะอีกเลยไลน์ไปถามว่าเขาให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวแล้วรึ? เพื่อนก็ส่งสติ๊กเกอร์เป็นรูปหัวเราะมา แล้วก็บอกว่าไม่ได้ไป
ต่างประเทศ รูปที่ส่งไปให้ดูอยู่ที่ประเทศไทยเรานี่แหละ ก็เลยสอบถามว่าอยู่แถวไหน ชื่อว่าอะไร เพื่อนก็บอกว่าอยู่แถวถนนคู้บอน กรุงเทพฯ นี่เอง ชื่อ #วัดโฝวกวงซัน น่าจะเป็นวัดสไตล์จีนไต้หวัน สวยมากพาแม่