วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2565

เงินบาทอ่อนเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ

เงินบาทอ่อนเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ     ทำให้ราคาสินค้าของไทยที่ขายไปยังอเมริกาต่ำลงอย่างมาก ซึ่งเป็นข้อดีอย่างยอดเยี่ยมสำหรับประเทศไทยเรา ทำให้คนอเมริกาสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าจากประเทศเราได้ง่ายขึ้น แต่ปัญหาคือการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกา ก็จะมีราคาแพงขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ๆ เราก็หยุดนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นจากสหรัฐอเมริกา ชั่วคราวก่อน นำเข้าเฉพาะสินค้าที่จำเป็นเท่านั้นพอ และหาแหล่งวัตถุดิบจากประเทศอื่น ที่ค่าเงินอ่อนเหมือนบ้านเรามาแทนที่ ส่วนเรื่องของพลังงานต่างๆ ที่เรานำเข้าจากประเทศอื่น แต่ยังจ่ายเงินเขาเป็นสกุลดอลล่าร์ที่จะต้องนำเงินบาทไปซื้อดอลล่าร์ก่อนแล้วค่อยจ่ายให้เขา ก็พยายามเจรจากับผู้ขาย ขอจ่ายเป็นเงินสกุลอื่นที่เขายอมรับได้แทน หรือเปลี่ยนที่ซื้อแทน เช่นขอนำเข้าจากรัซเซีย จีน หรือ อินเดีย แทน และจ่ายเป็นสกุลเงินรูเบิ้ล หยวน หรือ รูปี เป็นต้น

    ต้องเข้าใจว่าตอนนี้สหรัฐอเมริกากำลังจ่ายหนี้สินที่ได้ก่อเอาไว้อย่างมหาศาล และกำลังดึงเงินดอลล่าร์ที่พิมพ์ทิ้งพิมพ์ขวางออกมาสู่ตลาดโดยไม่มีทองคำหนุนหลังจำนวนมาก ด้วยการให้ดอกเบี้ยสูงๆ เพื่อดึงเงินกลับไปทำลายทิ้งและรัฐบาลจะต้องหาเงินมาจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่สูงๆ ด้วย มันเป็นธรรมชาติ เราก็ต้องนำเงินดอลล่าน์ที่มีอยู่ไปฝากเพื่อกินดอกเบี้ย แต่ต้องเป็นเงินเย็นนะครับ คือเป็นเงินที่ไม่รีบร้อนใช้ ให้ฝากกินดอกเบี้ยไปนานๆ จนกว่าสหรัฐฯ จะดึงเงินดอลล่าร์กลับประเทศจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว จากนั้นอัตราดอกเบี้ยก็จะลดลงมาเอง เพราะรัฐบาลคงจะไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยที่มันสูงๆ ไปได้นานนักหรอกครับ แต่ก็ต้องระวังๆ เอาไว้ด้วยครับ เอาเงินไปฝากกับคนทีเป็นหนี้เยอะๆ ก็อาจจะโดนโกงได้เช่นกัน ถ้าประเทศไม่มีเงิน

    ดังนั้นตอนนี้รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาก็ต้องหาเงินจำนวนมากๆ มาใช้ในการจ่ายดอกเบี้ย และวิธีการเดียวที่ทำได้ก็คือ ขายอาวุธสงคราม เพราะเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้อย่างมหาศาลที่สุดของสหรัฐฯ แล้ว ดังนั้นถ้าหากว่าโลกสงบสุข แล้วเขาจะขายอาวุธให้กับใคร ดังนั้นก็ต้องก่อสงคราม ทั้งในยูเครน และไต้หวัน ที่จะเป็นชนวนในการจุดสงครามได้ และก็ทำสำเร็จในยูเครน และรัสเซีย และก็พยายามที่จะทำให้ไต้หวัน เป็นชนวนต่อไป การที่จีนเปิดการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน ยิ่งทำให้ไต้หวันสั่งซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ อย่างมโหฬาร และเข้าทางสหรัฐอเมริกา ทางที่ดีจีนควรที่จะเดินหน้าเรื่องการค้าขายกับไต้หวันมากกว่า ในทุกมิติ รวมถึงขายอาวุธให้ไต้หวันด้วย และสิ่งที่ไต้หวันต้องการคือประชาธิปไตย ดังนั้นก็ต้องเล่นในเกมประชาธิปไตย โดยตั้งพรรคการเมืองในไต้หวันเพื่อแข่งขันกันตามกติกา โดยไม่พยายามเปลี่ยนกฎที่เขาปฏิบัติอยู่ ดังนั้นนอกจาก 1ประเทศ 2ระบบแล้ว จีนเองก็ต้องยอมรับ 1ประเทศ 2ผู้นำด้วย ถ้าหากว่าพรรคที่ทางจีนตั้งขึ้นมาแพ้เลือกตั้ง ก็ต้องยอมรับด้วย แต่ถ้าพรรคการเมืองที่จีนตั้งในไต้หวันชนะเลือกตั้งนั่นแหละ ก็จะทำให้มี 1ผู้นำ

    ดังนั้นผู้นำโลกจะต้องเห็นเหลี่ยมกลของประเทศสหรัฐฯ ถ้าหากว่าเขาพยายามก่อสงคราม แต่ผู้นำประเทศอื่นๆ พยายามทำให้มันสงบ แน่นอนว่า เขาก็จะขายอาวุธไม่ได้ และแน่นอนว่าเขาจะไม่มีเงินในการจ่ายดอกเบี้ย สุดท้ายเขาก็เจ้งแน่นอน แต่ ณ ตอนนี้ทุกประเทศไม่ได้ทำอย่างนั้น เพราะกลัวว่าถ้าสหรัฐฯ เจ้งแล้วใครจะมาจ่ายหนี้ให้ เพราะทุกประเทศเป็นเจ้าหนี้ของสหรัฐอเมริกาแทบทั้งนั้น...

    ในส่วนประเทศไทย ขอให้เดินตามแนวทางความสงบและความสุขของคนในชาติเป็นหลัก เน้นค้าขายหารายได้เข้าประเทศ ดีกว่าเน้นสงครามตามความต้องการของมหาอำนาจ เราอาจจะมีขั้วทางการเมือง แต่เราจะต้องไม่มีขั้วในสังคมโลก ดังนั้นในช่วงเวลานี้ค่าเงินอ่อน เราควรเร่งส่งออกให้มากขึ้น อย่าไปแทรกแซงค่าเงินเพราะจะเข้าทางมหาอำนาจ ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เน้นส่งออกสินค้าไทยด้วยเงินบาท หรือดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเพื่อดึงค่าเงินบาทให้เพิ่มขึ้น เพื่อให้เงินบาทเป็นที่ต้องการ เจรจาประเทศเพื่อนบ้านให้สามารถใช้เงินบาทในบ้านเขาได้ ซื้อขายในระบบเงินบาท และสกุลอื่นแทน และอื่นๆ แต่อย่าแทรกแซงค่าเงินเด็ดขาด... ซึ่งคิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเขารู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

    ไม่มีคนรวยคนไหนอยากอยู่ในประเทศที่มีสงครามแน่นอน  เพราะถ้ามีสงครามเกิดขึ้น คนรวย เขาก็ย้ายหนีกันหมด เหลือเอาไว้แต่คนจนที่รับกรรมในประเทศกันต่อไป... 


By: KCAN

ไม่มีความคิดเห็น: